2552/09/27

กฎ 5 ข้อ เพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง


กฎข้อแรก ท่านควรกินอาหารพวกจำพวกผักตระกูลกระหล่ำให้มาก เช่น กระหล่ำปลีกระหล่ำดอก ผักคะน้า หัวผักกาด เป็นต้น ผักเหล่านี้ช่วยป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็กส่วนปลาย กระเพาะอาหารได้



กฎข้อที่สอง ท่านควรกินอาหารที่มีกากมาก ๆ เช่น ผัก ผลไม้ ข้าว ข้าวโพด และเมล็ดธัญญาพืช อื่น ๆ เพื่อป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่



กฎข้อที่สาม ท่านควรกินอาหารที่มีเบต้า-แคโรทีน และวิตามินเอสูง เช่นผักสด ผลไม้สีเขียวสีเหลือง เพื่อป้องกันมะเร็งหลอดอาหาร กล่องเสียงและมะเร็งปอด



กฎข้อที่สี่ ท่านควรกินอาหารมีวิตามินซีสูง เช่น ผักสด ผลไม้ต่าง ๆ ที่มีรสเปรี้ยวป้องกันมะเร็งหลอดอาหาร และมะเร็งกระเพาะอาหาร



กฎข้อสุดท้าย ท่านควรกินอาหารที่มีไขมันต่ำเพราะอาหารเหล่านี้ทำให้เกิดโรคอ้วนที่มีส่วนสัมพันธ์กับมะเร็งถุงน้ำดี มะเร็งเต้านมและมะเร็งลำไส้ใหญ่นอกจากนี้ยังพบว่าการออกกำลังกายและ การลดการกินอาหารที่มีไขมันสูงจะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งเหล่านี้ได้

2552/09/24

เตือนภัย : ข้อปฏิบัติที่ควรรู้เกี่ยวกับฟอร์เวิร์ดเมล

พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ...

พ.ร.บ.ว่าด้วย การกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เป็นกฎหมายที่ออกมาใช้ดำเนินการกับผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งการกระทำความผิดก็มีหลายอย่าง อาทิ การนำเข้าข้อมูลและเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่เหมาะสม การนำภาพตัดต่อ ดัดแปลง เข้าสู่ระบบจนทำให้ผู้อื่นเสียหายได้รับความอับอาย การแฮ็กระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกัน เข้าไปดูหรือขโมยข้อมูลของผู้อื่น แอบดักรับข้อมูลของผู้อื่นระหว่างส่งข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ ส่งข้อมูลหรืออีเมล ที่ปลอมแปลงที่มา (สแปม เมล) ทำให้รบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น ฯลฯ

อย่างไรก็ตามปกติผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์มักจะ ต้องใช้อีเมลเพื่อติดต่อสื่อสาร ซึ่งอีเมลที่เราได้รับอาจมีทั้งได้จากคนรู้จักและไม่รู้จัก เนื้อหาที่สื่อสารก็แตกต่างกันไป เราจึงต้องกลั่นกรองก่อนหากจะส่งต่อ ซึ่งการฟอร์เวิร์ดเมลที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย ได้แก่ อีเมลที่มีเนื้อหาก่อให้เกิดความเสียหายให้ผู้หนึ่งผู้ใด อีเมลที่สร้างความตื่นตระหนก ตกใจ แก่คนทั่วไป อีเมลที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ สถาบัน หรือเป็นความผิดด้านก่อการร้าย และอีเมลที่มีเนื้อหา ภาพลามกอนาจาร

จริงๆ แล้วการใช้งานอีเมลให้ปลอดภัยมีหลักง่ายๆ ที่สามารถปฏิบัติได้ คือ ให้ระวังอีเมลที่ส่งมาจากคนที่ไม่รู้จัก ถ้าไม่แน่ใจให้ลบทิ้งทันที อย่าเปิดไฟล์ที่แนบมากับอีเมล หากมาจากแหล่งที่ไม่น่าไว้วางใจ

อย่าฟอร์เวิร์ดเมล หรือคลิปภาพลามกหรือข้อความที่อาจทำให้ผู้อื่นเสียหาย หรือเป็นข้อมูลที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติและสถาบัน และหลีกเลี่ยงส่งข้อมูลที่เป็นความลับทางอีเมล และอย่าให้ข้อมูลส่วน ตัวทางเว็บไซต์ที่ไม่น่าไว้วางใจ ในกรณีที่จำเป็นต้องส่งควรจะมีการเข้ารหัส หรือใช้พับลิค คีย์ อินฟราสตรัคเจอร์ และหากไม่จำเป็นไม่ควรใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่เป็นสาธารณะ ต่างถิ่น ต่างประเทศ เพราะมีโอกาสที่จะถูกดักจับข้อมูลจากคีย์บอร์ด

นอกจากนี้หากจะเข้าใช้งานในเว็บไซต์ใด ควรจะพิมพ์ชื่อเว็บไซต์นั้น ๆ ด้วยตนเองมากกว่ากดจากลิงก์ที่มีคนส่งมา เพื่อป้องกันการโดนไวรัส ในส่วนขององค์กรสามารถลดความเสี่ยงด้วยการออกกฎระเบียบในการใช้ อีเมล เพื่อไม่ให้พนักงานใช้อีเมลแบบผิดกฎหมาย ซึ่งในบางองค์กรอาจมีการทำอีเมล คอนเทนต์ มอนิเตอริ่ง เพื่อป้องกันการนำข้อมูลที่สำคัญส่งผ่านอีเมลออกไปภายนอกจากคนขององค์กร


จำไว้นะคะ ว่าอีเมลหากใช้งานถูกวิธีก็มีประโยชน์มาก ก่อนที่จะฟอร์เวิร์ดเมลอะไรควรกลั่นกรองดูซักนิด เพื่อให้เราไม่ต้องเสี่ยงต่อการกระทำผิดกฎหมายค่ะ

2552/09/22

เฉพาะสายศิลป์**

*หลายคนสงสัยทำไมต้องเฉพาะสายศิลป์ ก็เพราะสายศิลป์ต้องท่องจำไวยกรณ์ ไม่ได้ท่องจำสูตร การอ่านของสายศิลป์คือการอ่านบ่อยๆให้ค่อยๆซึมเข้าไปในหัว ไม่ใช่ท่องจำถึงที่มาที่ไปของสูตร และอีกอย่างวิธีเหล่านี้ใช้ไม่ได้ในเด็กสายวิทย์*




อย่างแรกที่ต้องแนะนำ

1.กิน...ถ้าในระหว่างนี้คุณยังกลัวความอ้วนอยู่ ขอแนะนำให้ปิดหน้าต่างนี้ไปเลย ไม่ใช่ขยับปากเคี้ยวแล้วจะคิดออกนะ -*- แต่สมอง(ซึ่งถูกคุณใช้งานอย่างหนัก)ก็ต้องการสารอาหาร ควรจะเป็นของหวาน (แนะนำช๊อคโกแลต) คุณลองกินสิ จะรู้สึกมีพลังขึ้นมาอีก 25% และก็กินเข้าไปเลย กินๆๆ ไม่เป็นไร สอบเสร็จแล้วเราลดได้ นอกจากนี้ สมองยังต้องการการผ่อนคลาย ซึ่งจะกลายเป็นหัวข้อที่ 2

2.สุขภาพจิตดี... ถ้าคุณเครียดทั้งวันทั้งคืน หนำซ้ำพ่อแม่ยังนั่งเฝ้า ...ตี 2 คุณเริ่มฟุบ พ่อคุณถามว่า "จะนอนแล้วหรอ?" ...หัวคุณก็จะหมกมุ่นอยู่กับความอึดอัด ในขณะที่สายตาของคุณกวาดไปมา และสมองคุณเกร็งอย่างแรง กลับจำอะไรไม่ได้เลย คุณคิดว่าคุณเครียดแล้วจะอ่านหนังสือได้เยอะงั้นหรือ...เปล่าเลย คุณโกหกตัวเอง เหมือนเอาเชือกมารัดหัวแล้วบอกตัวเองว่า ฉันอ่านหนังสือหนักจนปวดหัวเลยนะเนี่ย...ข้อนี้แนะนำให้กินน้ำ ล้างหน้าบ่อยๆ ออกไปเดินเล่นซัก 10 นาทีคงไม่ทำให้คุณสอบตก แลกกับการชาร์จพลังสมอง...คุ้มนะ

3.สมาธิ..อย่าดูถูกวิธีโบราณ มันช่วยได้จริง...ก้อการนั่งสมาธิไงล่ะ ลองเปิดเพลงไปด้วย ถ้าคุณมีสมาธิจริงคุณจะไม่ได้ยินเสียงเพลงเลย (ไม่ใช่นั่งไปคิดไป เมื่อไหร่เพลงจะหาย..ยังงี้ไม่ได้นะคะ เพราะเท่ากับคุณนั่งฟังเพลง) คิดว่าเรามีลูกแล้วอยู่ในร่างกาย แล้วมันวิ่งขึ้นวิ่งลงช้าๆ ไปเรื่อยๆค่ะ เคยอ่านข้อสอบรอบนึงแล้วไม่รู้ว่าข้อสอบถามอะไรมั้ยคะ นั้นล่ะค่ะ คุณกำลังขาดสมาธิ หายใจเข้า-ออกยาวๆ และพยายามทบทวนอยู่เสมอว่าเมื่อกี้เราคิดอะไรอยู่ ให้จดจ่อกับเรื่องที่อ่านไปเรื่อยๆ อย่าให้เส้นสมองขาดตอนนะคะ

4.กำลังใจ...ถ้าใน 3 ข้อแรก คุณทำอะไรไม่สำเร็จเลย แปลว่าคุณขาดกำลังใจ ขาดแรงฮึดสู้ หรือง่ายๆว่า คุณไม่อยากสอบได้คะแนนดีๆ แนะนำว่าให้อ่านเยอะๆ อ่านหลายๆรอบ อ่านจนสามารถพูดสรุปออกได้เป็นฉากๆ ไม่ใช่ท่องจำ แต่มันคือการฝังลงไปในหัวที่พร้อมจะเรียกใช้เมื่อไหร่ก็ได้ อย่าไปมัวท่อง(ขอเน้น..อย่า!!!) อ่านบ่อยๆเท่านั้นที่ช่วยได้ อ่านครั้งแรกคุณจะรู้สึกสมองโล่งและคิดในใจว่า คุณจะจำได้ซักกี่คำกัน แต่ครั้งที่ 2 เฮ้ย!! คำนี้มันคุ้นๆ (หลังจากนั้นไปตามหาว่ามันแปลว่าไร ขอย้ำ!! ไม่ต้องท่อง) ครั้งที่ 3 คุณจะจำได้เองอย่างไม่น่าเชื่อ

สำหรับคนที่เรียนพิเศษแล้วไม่เข้าใจ...*ถ้าเป็นไปได้เวลาเรียนพิเศษ ฟังที่อาจารย์พูด ฟังทุกคำ ไม่ใช่เหม่อลอยคำที่ 2 กลับมาฟังอีกทีคำที่ 8 ...ชาติหน้าตอนบ่ายๆคงเข้าใจ แต่ก็ไม่ใช่ฟังแล้วเขียนตามคำบอก...จงฟังแล้วคิด แล้วเขียนอย่างที่ตัวเองเข้าใจ เมื่อจบคอร์สเอามาเรียบเรียงให้เป็นภาษาของคุนเอง แล้วอ่านซ้ำ(หลายๆรอบ เอาให้จำได้) เราจะรู้ได้เลยว่า อ๋อ บรรทัดนี้ อาจารย์เค้าสอนไว้ว่าไงบ้าง แค่นี้เราก็จะสามารถทำข้อสอบได้ค่ะ


2552/09/19

เปิดสุดยอด ภาพถ่ายดาราศาสตร์2009

หอกรีนิช เปิดสุดยอด ภาพถ่ายดาราศาสตร์2009

หอดูดาวแห่งกรีนิช ประเทศอังกฤษ หนึ่งในหอดูดาวหลักของโลก จัดงานแสดงภาพถ่ายดาราศาสตร์แห่งปีค.ศ.2009 (พ.ศ.2552) ร่วมเฉลิมฉลองปีดาราศาสตร์สากล 2552 เปิดโอกาสให้คนจากทั่วโลกส่งภาพถ่ายดาราศาสตร์หลายหัวข้อ เช่น โลกและอวกาศ, ระบบสุริยะของเรา, ดีพสเปซ ฯลฯ ส่งเข้าประกวดผ่านเว็บไซต์ www. flickr.com/groups/astrophoto/ พร้อมจัดนิทรรศการให้ประชาชนเข้าชมตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงต้นเดือนมกราคมปีหน้า

ผลงานที่โดดเด่นได้รับการกล่าวขวัญถึงในสื่อมวลชนอังกฤษแต่ละชิ้นล้วนงดงามตระการตาเกินคำบรรยาย
ดีที่สุด คือ พิสูจน์ความมหัศจรรย์แห่งห้วงจักรวาลด้วยสายตาตัวเอง!

1."เนบิวลาหัวม้า" ในกลุ่มดาวนายพราน
ช่างภาพ : มาร์ติน พิวห์, อังกฤษ
ภาพขณะกลุ่มแก๊ส ฝุ่น และวัตถุต่างๆ ในอวกาศอัดแน่นรวมตัวกัน ก่อนก่อรูปเป็น ดาวและดาวเคราะห์

2.จันทร์สีเงิน
ช่างภาพ : ไมเคิล โอคอนเนลล์, ไอร์ แลนด์
ดวงจันทร์ขาวนวลตัดกับท้องฟ้าสีเงิน มองเห็นพื้นผิวบนดวงจันทร์ชัดเจน โดยเฉพาะหลุมลาวาขนาดใหญ่ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าครั้งหนึ่งในอดีต นานมาแล้วเคยมี "น้ำ" สะสมอยู่

3.ผ่าฟ้า
ช่างภาพ : miuvincent (เว็บไซต์ flickr)
ประกายแสงสะท้อนจากดวงอาทิตย์ที่ตกกระทบแผงเซลล์สุริยะของ "ดาวเทียมเทลโก" แบบพอดิบพอดี ทำให้เกิดแสงสว่างวาบตัดกลางท้องฟ้า

4.ดาวหาง"โฮล์มส์"
ช่างภาพ : นิก โฮเวส, อังกฤษ
โฮเวสบันทึกภาพช่วงเวลาดาวหาง "โฮล์มส์" โคจรผ่านดาวอังคารและดาวพฤหัสบดี ซึ่งเป็นปรากฏการณ์เกิดขึ้นทุกๆ 7 ปี ใจกลางดาวหางประกอบด้วยน้ำแข็ง หิน และก๊าซที่เย็นจัดจนกลายเป็นของแข็ง

5.พระอาทิตย์สีเลือด
ช่างภาพ : boogerfingers (เว็บไซต์ flickr)
อีกมุมมองของพระอาทิตย์ ถ่ายด้วยเทคนิคพิเศษ เพื่อจับภาพโคโรนา หรือชั้นบรรยากาศรอบนอกดวง




6.ดาราจักร"เซนทอรัส-เอ"
ช่างภาพ : ไมเคิล ซิดานิโอ, ออสเตรเลีย
เห็นเปล่งประกายอยู่ตรงกลางไกลลิบๆ คือ กาแล็กซี หรือดาราจักร "เซนทอรัส-เอ" ห่างจากเราหลายล้านปีแสง ฉากระยิบระยับด้านหน้า ได้แก่ ดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วน

7.แอปเปิ้ลจักรวาล
ช่างภาพ : เอริก ลาร์เซน, ไม่แจ้งประเทศ
สีชมพูหวานจ๋อยของ "แอปเปิ้ล คอร์ เนบิวลา" หรือ เนบิวลาหมายเลข เอ็ม 27 มองดูคล้ายผลแอปเปิ้ลลอยคว้างอยู่ในจักรวาล

8.แสงเขียวเรืองรอง เปรียบคันศรแห่งหมู่ดาว
ช่างภาพ : คาร์ล จอห์นสัน, แคนาดา
"ออโรร่า" หรือแสงเหนือ-แสงใต้ มักเกิดขึ้นที่ชั้นบรรยากาศ เป็นปรากฏการณ์อันเกิดจากการปฏิสัมพันธ์กันระหว่างชั้นบรรยากาศโลก สนามแม่เหล็กโลก และอนุภาคจากดวงอาทิตย์

9.เส้นทางดวงดาวในหุบเขาสีน้ำเงิน
ช่างภาพ : เท็ด โดบอสซ์, ออสเตรเลีย
ภาพถ่ายท้องฟ้ายามรัตติกาลผ่านเทคนิคเปิดแช่หน้ากล้อง 30 นาที เมื่อหันมองไปทางซีกโลกใต้ สีส้มตอนล่างๆ ของภาพเป็นแสงจากไฟถนน

10.บิ๊กอันโดรเมดา
ช่างภาพ : xamad (เว็บไซต์ flickr)
กาแล็กซี หรือดาราจักรอันโดรเมดาใหญ่ เอ็ม 31 เป็นดาราจักรแบบกังหัน มีรูปร่างแบน ตรงกลางเป็นทรงกลมเป็นกระเปาะ มีแขนเหยียดออกไปหลายอันและตีเกลียวดูเป็นรูปเหมือนกังหัน ขนาดใหญ่กว่าดาราจักร "ทางช้างเผือก" ของเราเล็กน้อย

2552/09/18

เคล็ดลับสรุปการอ่านหนังสือสอบ

ช่วงนี้กำลังสอบเพื่อนๆหลายคนคงกำลังขมักเขม่นอยู่กับการอ่านหนังสือ แต่ถ้าเราอ่านหนังสือหมดทั้งเล่มหลายๆวิชามารวมกันก็คงไม่ไหวใช้มั้ยล่ะค่ะ งั้นเราลองมาดู 10 เคล็ดลับง่ายๆ แบบรวบรัดในการอ่านหนังสือสอบกัน...

1.ปิดสื่อบันเทิงทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นทีวี คอมพิวเตอร์ mp3. แล้วมีสติอยู่กับหนังสือ
2.นั่งสมาธิสัก 5 นาที ค่อยเริ่มอ่าน
3.อ่านหนึ่งรอบ แล้วสรุปแบบไม่เปิดหนังสือ
4.เช็คคำตอบว่าถูกต้องหรือไม่
5.อ่านอีกหนึ่งรอบเพื่อทบทวน
6.สรุปใหม่แต่เปิดหนังสือได้ เอาไว้อ่าน
7.ถ้าทำเป็นMind Mappingอาจจะอ่านง่ายขึ้น
8.มีเอกสารอะไรที่ครูแจก อย่าคิดว่าไม่สำคัญเอามาเปิดด้วย
9.ท่องในส่วนที่ครูพูดย้ำบ่อยๆ อย่างน้อย 5ครั้ง
10.ก่อนวันสอบห้ามหักโหมอ่านหนังสือถึงเทียงคืน เพราะสมองจะไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น
แนะนำว่าให้นอนตั้งแต่ 3ทุ้ม แร้วตื่นมาตอน ตี5 เพื่อทบทวนอีกรอบก่อนอาบน้ำไปโรงเรียน

เพียงแค่นี้เพื่อนๆก็สามารถจดจำข้อมูลก่อนที่จะสอบจิงได้แล้วค่ะ ^____^

2552/09/16

กินอย่างไร ไม่ให้ขาดวิตามิน


กินอย่างไร ไม่ให้ขาดวิตามิน (Lisa)
การรับประทานอาหารซ้ำซากอาจทำให้ขาดวิตามินได้ โดยเฉพาะวิตามินเอ และ บี ที่สำคัญยิ่งต่อสุขภาพ

วิตามิน เอ จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพก็ต้องพึ่งพาสังกะสี และวิตามินอีซึ่งได้จากไขมัน เพื่อให้ร่างกายดูดซึมวิตามินเอได้ดี นอกจากนี้วิตามินเอยังมีมากในผักใบเขียว ซึ่งมักสูญเสียวิตามินหนึ่งในสาม หากเจอกับออกซิเจนและแดด
อาหารที่มีวิตามินเอ เช่น ตับ ไขแดง ผลิตภัณฑ์จากนม ปลาเนื้อมัน เนื้อ ผักสีเขียว และสีเหลือง
อาการขาดวิตามินเอ จะมีผิวแห้งและหยาบกร้าน เล็บแตกเปราะง่ายและมีจุดขาวๆ หากขาดมากจะมองไม่เห็นในตอนกลางคืน หากขาดนานๆ จะทำให้ตาบอดได้

วิตามินบี 1 ถูกทำลายได้ง่ายเมื่อเจอความร้อนและออกซิเจน หรือระหว่างการหุงต้มก็ทำให้สูญเสียวิตามินไปประมาณ 30% จึงไม่ควรล้างผักนานและควรใช้วิธีนึ่งจะดีกว่า
วิตามินบี 1 มีมากใน ถั่วชนิดต่างๆ ข้าวกล้อง รำข้าว เนื้อหมู ไข่
อาการขาดวิตามินบี 1 ทำให้การเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตไม่ดี เบื่ออาหาร หงุดหงิดง่าย อ่อนเพลีย ขาดสมาธิ หรือคันแขนคันขา หากขาดวิตามินบี 1 มากจะทำให้หัวใจอ่อนแรงและกล้ามเนื้อเป็นแผล

วิตามินบี 2 สูญเสียได้ง่ายในน้ำ ดังนั้จึงควรรับประทานน้ำต้มด้วย แสงไฟเป็นตัวทำลายวิตามินชนิดนี้ ดังนั้นจึงควรเก็บไว้ในที่มืด
วิตามินบี 2 มีมากใน ตับ เนื้อไก่ นม ไข่ ธัญพืช
อาการขาดวิตามินบี 2 มุมปากเป็นแผล ลิ้นและเยื่อปากอักเสบ โรคโลหิตจาง ผู้ที่กินยาเม็ดคุมกำเนิดและยาต้านโรคซึมเศร้าอาจขาดวิตามินชนิดนี้

วิตามินบี 3 หรือไนอาซิน หากรับประทานยา L-Dopa พาราเซตามอล หรือ Diazepam อาจทำให้ร่างกายต้องการวิตามินบี 3 เพิ่มสูงขึ้น
วิตามินบี 3 มีมากใน ปลาเนื้อมัน เนื้อไก่ ตับ ถั่ว


อาการขาดวิตามินบี 3 มังสวิรัติ หรือ ผู้ทานโปรตีนน้อย อาจทำให้ขาดวิตามินบี 3 ได้ อาการก็คือ ซึมเศร้า ผิวแห้งแตก อ่อนเพลีย และนอนไม่หลับ

วิตามินบี 5 การทำให้สุกทำให้สูญเสียวิตามินบี 5 ถึง 50% หากแช่แข็งจะทำให้สูญเสียวิตามินบี 80% ดังนั้นจึงควรรับประทานอาหารสดสม่ำเสมอ
วิตามินบี 5 มีมากใน ผักเกือบทุกชนิด ผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ ปลา ไข่แดง ผักสีเขียว ธัญพืช
อาการขาดวิตามินบี 5 กลุ่มเสี่ยงคือ ผู้ที่ขาดอาหารโรคเบาหวาน นักกีฬา และผู้ที่ใช้แรงงาน อาการก็คืออ่อนเพลีย กล้ามเนื้อกระตุกเกร็ง คลื่นไส้ ปวดท้อง ปวดศีรษะ

วิตามินบี 6 การรับประทานยาบางชนิดจะทำให้ร่างกายต้องการวิตามินบี 6 เพิ่มขึ้น เช่น ยากันชัก วิธีป้องกันไม่ให้สูญเสียวิตามินชนิดนี้ก็คือ ไม่ให้โดนแสงแดดและถูกความร้อน
วิตามินบี 6 มีมากใน เนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ วัว หมู ไข่ ปลา นม
อาการขาดวิตามินบี 6 นอนไม่หลับ ติดเชื้อง่าย อ่อนเพลีย มีปัญหาผิวพรรณ ปากแห้งแตก ลิ้นและปากอักเสบ แต่คนที่มีสุขภาพดีโดยทั่วไปมักไม่ขาดวิตามินชนิดนี้

2552/09/13

6 เคล็ดลับก่อนอาบน้ำ


1.หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นจัด หรืออาบน้ำอุ่นนาน ๆ แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ หลังอาบน้ำให้กระชับผิวด้วยน้ำเย็นหรือน้ำอุณหภูมิห้องเพื่อกระชับรูขุมขน

2.การอาบน้ำอุ่นก่อนนอนจะช่วยให้คุณสาว ๆ หลับสบายมากขึ้น

3.ไม่ควรอาบน้ำหลังรับประทานอาหารเลยทันทีเพราะจะทำให้ไม่สบายท้อง

4.ก่อนอาบน้ำลองจุดเทียนหอมกลิ่นโปรด และอาบน้ำอย่างละเมียดละไม แช่น้ำอุ่นสัก 15 นาที จะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดประจำวันได้

5.ถ้าอาบน้ำด้วยฝักบัว ควรอาบน้ำเย็นรดตัวเป็นครั้งสุดท้าย คุณจะรู้สึกสดชื่นขึ้นทันที เพราะระบบหมุนเวียนโลหิต จะถูกกระตุ้นให้ทำงานอย่างรวดเร็ว

6.หลังเช็ดตัวควรทาโลชั่นทันที เพื่อเก็บกักความชุ่มชื่นของผิวเอาไว้

เพียง 6 เทคนิคง่ายๆนี้ก็สามารถช่วยให้คุณสดชื่น คลายเครียด และแลดูอ่อนกว่าวัยได้แล้วจ้ะ

2552/09/10

10 อันดับ สุดยอดสัตว์มีพิษ

อันดับ 1 Box Jellyfish แมงกระพรุนกล่อง
และแล้วแมงกระพรุนกล่องก็ได้เป็นแชมป์สัตว์ที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก รายงานว่ามันฆ่าคนไปแล้ว 5,567 คน พิษของมันนั้นจะไปทำลาย หัวใจ ระบบประสาท ผิวหนัง และที่สำคัญ ถ้าโดนพิษมันจะเจ็บปวดอย่างที่สุด ส่วนใหญ่คนที่โดนพิษมันนั้นจะช็อค และหัวใจล้มเหลวก่อนที่จะกลับเข้าถึงฝั่ง แต่ถ้าคุณโดนพิษมันก็ยังมีโอกาสที่จะรอดอยู่นั่นคือ ต้องรีบเอาน้ำส้มสายชู มาล้างอย่างน้อย 30 วินาที เพราะมันจะทำลายพิษของแมงกระพรุนกล่องก่อนที่มันจะเข้าไปสู่กระแสเลือด


อันดับ 2 King Cobra งูจงอาง
งูจงอางหรือชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Ophiophagus hannah เป็นงูพิษที่มีลำตัวยาวที่สุดในโลก ด้วยขนาดโตสุดที่ 5.6 เมตร งูจงอางนั้น เรารู้กันว่าอาหารโปรดของมันก็คือ งู !!! นั่นหมายความว่ามันกินสัตว์ตระกูลเดียวกัน และเพียงแค่โดนมันกัดเพียงครั้งเดียว ก็ทำให้คนตายได้อย่างง่ายๆ และพิษของมันนั้น สามารถฆ่าช้างที่โตเต็มวัยได้เพียงแค่ 3 ชั่วโมง ในส่วนของมันนั้น ส่วนประกอบของมันแตกต่างกับพิษงูโดยทั่วไป ที่สำคัญมันพบได้ทั่วไปในทวีปเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ และในประเทศไทย


อันดับ 3 Marbled Cone Snail หอยเต้าปูนลายหินอ่อน
หอยเต้าปูนตัวเล็กๆ สีสันสวยงาม แต่!!! พิษของมันน่ะเหรอ เพียงแค่หยดเดียว สามารถฆ่าคนได้ถึง 20 คน ถ้าคุณเล่นน้ำที่ทะเลที่มันค่อนข้างอุ่นๆแล้วเห็นเจ้าตัวนี้อยู่ อย่าคิดที่จะหยิบมันมาเล่นเลยนะครับ แค่ดูมันอยู่ห่างๆก็พอแล้ว เพราะถ้าคุณโดนพิษมันเล่นงานละก็ คุณจะปวด หลังจากนั้นก็จะเริ่มบวม ระบบการหายใจเริ่มล้มเหลว ร่างกายจะคันหยุกหยิก เป็นอัมพาต แล้วก็ตายในที่สุด แต่ยังไงก็ตาม มีรายงานว่ามีแค่ 30 คนเท่านั้นที่ตายเพราะหอยเต้าปูน


อันดับ 4 Blue-Ringed Octopus ปลาหมึกแหวนน้ำเงิน
ปลาหมึกแหวนน้ำเงินนั้นมีขนาดที่เล็กมาก ขนาดประมาณลูกกอลฟ์เท่านั้นเอง แต่ขนาดไม่ใช่ปัญหาสำหรับความรุนแรงของพิษมันเลย เพราะพิษมันสามารถฆ่าคนได้ภายในไม่กี่นาที และที่สำคัญ มันยังไม่มียาแก้พิษ =.= ถ้าโดน ปลาหมึกแหวนน้ำเงินกัดละก็ คุณจะไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรมากหรอก แต่ว่าพิษมันจะเริ่มทำลายระบบประสาทของคุณ หลังจากนั้นคุณจะรู้สึกอ่อนแอและคุณก็จะเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ ระบบการหายใจจะเริ่มล้มเหลว หลังจากนั้น ก็ตายในที่สุด >> น่ากลัวไหมล่ะครับ เล็กพริกขี้หนูจริงๆ


อันดับ 5 Death Stalker Scorpion แมงป่องเดธท์ สตอล์คเกอร์
แมงป่องโดยทั่วไปนั้น ถึงแม้ว่าจะโดนกัด พิษของมันก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรมนุษย์ได้มากนัก อาจจะเจ็บปวดนิดหน่อย แต่...มันไม่ใช่สำหรับแมงป่องพันธุ์เดธท์ สตอล์คเกอร์เลย เพราะพิษของมันสามารถทำลายระบบ ประสาทได้ ถ้าคุณโดนมันกัด คุณจะปวดอย่างมหาศาล จากนั้นจะตามมาด้วยอาการไข้ขึ้น เป็นอัมพาต และตายในที่สุด แต่ถึงแม้พิษมันจะร้ายแรงมาก แต่มันก็ไม่สามารถฆ่ามนุษย์ที่เป็นผู้ใหญ่ได้ แต่ว่ามันจะเป็นอันตรายต่อ เด็ก ทารก คนแก่ อย่างมาก ถึงแม้ว่ามันไม่สามารถที่จะฆ่าผู้ใหญ่ได้ แต่มันก็ทำให้เป็นอัมพาตได้นะ

อันดับ 6 Stonefish ปลาหิน
ถ้าแข่งกันในเรื่องของความสวยงามแล้ว ปลาหิน ท่าทางจะแพ้อย่างขาดลอย แต่ถ้าแข่งกันเรื่องความรุนแรงของพิษแล้วละก็ เจ้าปลาหินไม่เป็นรองใครอย่างแน่นอน มันได้ชื่อว่าเป็นปลาที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก พิษของปลาหินนี้จะอยู่ในหนามของตัวมันเอง มีคนบอกว่า ถ้าคุณโดนมันแทงเข้าละก็ คุณจะได้ลิ้มรสความเจ็บปวดเท่าที่มนุษย์จะเจ็บได้เลยทีเดียว นอกจากจะเจ็บสุดๆแล้ว มันจะทำให้คุณเป็นอัมพาต แล้วก็ตายได้ในที่สุด

อันดับ 7 The Brazillian Wandering Spider แมงมุมบราซิล
แมงมุมบราซิลหรือแมงมุมกล้วย ได้รับการบันทึกลงในกินเนสเวิลด์เรคคอรด์ว่าเป็นแมงมุมที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก พิษของมันมีพิษทำลายประสาท พวกมันจะอันตรายอย่างมากเพราะโดยนิสัยของมันแล้วมันชอบแอบอยู่ตามรองเท้า ตู้เสื้อผ้า แม้กระทั่งในรถยนต์ พิษของมันถ้าโดนกัดนอกจากจะทำให้เจ็บปวดอย่างมากแล้ว มันจะทำให้อวัยวะเพศของเราควบคุมไม่ได้ และถ้ารอดตายจากการโดนมันกัด มันก็จะทำให้เราเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ<< อย่างงี้ยอมโดนกัดให้ตายดีกว่ามั้ย?


อันดับ 8 Inland Taipan งูไทปันโพ้นทะเล
งูไทปันถูกพบได้มากในทวีปออสเตรเลีย เป็นงูที่มีพิษร้ายแรงมาก พิษที่มันปล่อยออกมาจากการกัดหนึ่งครั้ง สามารถฆ่าคนได้ถึง 100 คน หรือหนู 250,000 ตัว พิษของมันสามารถฆ่าคนได้ภายใน 45 นาที แต่อย่างไรก็ตาม งูไทปันเป็นงูที่ค่อนข้างขี้อาย ไม่เคยมีการบันทึกว่ามีคนตายจากพิษของมัน


อันดับ 9 Poison Dart Frog กบลูกดอก
กบลูกดอกสีน้ำเงินนั้นเป็นสัตว์ที่อยู่ในป่าฝนในทวีปอเมริกากลางและอเมริกาใต้ เป็นกบที่มีสีสันสวยงามแต่พิษของมันร้ายแรงมาก พิษของกบลูกดอก 1 ตัว สามารถคนได้ถึง 10 คนและหนูถึง 20,000 ตัว พิษของมันเพียง 5 ไมโครกรัม (เท่ากับปลายเข็ม) ก็สามารถฆ่าคนและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดใหญ่ๆได้
พิษของมันถูกนำมาใช้ในลูกดอกอาบยาพิษของอินเดียแดง มันจึงถูกเรียกว่ากบลูกดอก


อันดับ 10 Puffer Fish ปลาปักเป้า
ปลาปักเป้า คือสัตว์มีพิษที่มีคนนิยมบริโภคมาก โดยเฉพาะในแถบประเทศญี่ปุ่น (ปลาปักเป้าภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า ฟูกุ) และเกาหลี (ในส่วนของภาษาเกาหลีจะเรียกว่า บ๊อค ฮัง) โดนเนื้อปลาปักเป้านั้น จริงๆแล้ว ไม่ได้มีพิษ แต่ส่วนที่มีพิษก็คือพวกผิวหนังและเครื่องในของปลาปักเป้า แต่พิษเหล่านี้มักจะซึมเข้าไปในเนื้อตอนแล่ พ่อครัวที่จะแล่ปลาปักเป้าต้องมีใบอนุญาติกันเลย ถ้าหากกินพิษของปลาปักเป้าไป อาจจะทำให้เสียชีวิตได้ในทันที

2552/09/09

09/09/09


ขอเว้นวรรคพูดถึงความวุ่นวายต่างๆ ทั้งการเมือง เศรษฐกิจและสังคม วันนี้ถือว่าเป็นฤกษ์ดี เพราะเป็นวันที่ 9 เดือน 9 ปี 2009 หรือ 9/9/09 ดังนั้นขอว่ากันถึงเรื่องเลข 9

เลข 9 นั้นมีความมหัศจรรย์ที่น่าสนใจ

ทางคณิตศาสตร์ เลข 9 ถือว่าเป็นเลขที่ไม่มีการผันแปร เมื่อนำเลข 9 คูณด้วยเลข 1 ถึง 9 ผลลัพธ์ที่ได้เมื่อนำมารวมกันก็จะได้เท่ากับ 9 เสมอ

9x1 = 9 / 9x2=18 (1+8 = 9) / 9x3=27 (2+7 = 9) / 9x4=36 (3+6 = 9) / 9x5=45 (4+5 = 9) / 9x6=54 (5+4 = 9) / 9x7=63 (6+3 = 9) / 9x8=72 (7+2 = 9) และ 9x9=81 (8+1 = 9)

นอกจากนี้ความเชื่อของชาวจีนถือว่าเลข 9 เป็นเลขมงคล เป็นเลขแห่งโชคลาภ

ภาษาจีนกลาง เลข 9 (จิ่ว) เสียงพ้องกับคำว่า "จิ่ว" ที่แปลว่า "ยั่งยืนนาน" หรือ "คงทน ยืนยาว" ดังนั้นชาวจีนจึงเชื่อว่าเลข 9 หมายถึงการมีอายุยืนนาน เช่นเดียวกับคนไทยที่เลข 9 (เก้า) ซึ่งเสียงพ้องกับ "ก้าว" อันหมายถึงความก้าวหน้า เจริญรุ่งเรือง

ขณะที่วิชา "เลขศาสตร์พลังดาว" ซึ่งว่ากันว่าเป็นวิชาที่ถือกำเนิดมากว่า 4 พันปี โดยชนเผ่า "บาบิโลเนียน" ที่ได้ชื่อว่าเป็นชนเผ่าที่มีความเชี่ยวชาญด้านวิชาโหราศาสตร์มาก ได้รับการถ่ายทอดแพร่จนปัจจุบันหลักการของเลขศาสตร์พลังดาวคือ ในแต่ละอักษรต่างก็มีค่าตัวเลข หรือกำลังประจำอักษร เมื่อนำมารวมกันจะได้ค่าต่างๆ ซึ่งมีความหมายดีหรือร้ายต่างกัน

ดังนั้นหลักการตั้งชื่อตามเลขศาสตร์พลังดาวจึงถูกนำมาใช้ประกอบในการตั้งชื่อ-นามสกุลทั้งนี้

เลข 9 ตามตำราเลขศาสตร์ คือ เลขแห่งความลึกลับ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ มักมีความคิดฉับพลัน มีญาณสังหรณ์ที่แม่นยำ เลื่อมใส ศรัทธา สนใจในศาสนาเร้นลับ สนใจของเก่าแก่ ชอบสะสมของเก่า

นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่าดาวเกตุ (9) เป็นดาวคุ้มภัย ให้แคล้วคลาดจากอุบัติเหตุต่างๆ ได้ อย่างสำนวนที่ว่า "แมว 9 ชีวิต" และช่วยให้อายุมั่นขวัญยืน ให้ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี

ด้วยความเชื่อดังกล่าว คนเราจึงมักพยายามที่จะให้เลข 9 เข้ามาผูกพันในชีวิตความเป็นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งชื่อ-นามสกุล ป้ายทะเบียนรถ หรือเลขที่บ้าน ฯลฯ

นอกจากนี้ยังมักจะทำกิจกรรมอะไรให้ตรงกับเลข 9 เช่น การทำบุญ 9 วัด ถ้าในเขตกรุงเทพฯ 9 วัดที่นิยมทำบุญกัน คือ
1.วัดชนะสงคราม 2.ศาลเจ้าพ่อเสือ (บางคนไม่ไปศาลเจ้าพ่อเสือไปวัดบวรแทน) 3.วัดโพธิ์ 4.วัดสุทัศน์ฯ 5.วัดพระแก้ว 6.ศาลหลักเมือง 7.วัดระฆัง 8.วัดอรุณฯ และ 9.วัดกัลยาณมิตรว่ากันว่าช่วยให้จิตใจผ่องใส ได้บุญได้กุศลมาก

ดังนั้นในวันที่ 9/9/09 นี้ เชื่อว่าหลายคนคงจะหากิจกรรมดีๆ ทำ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองและครอบครัว

หากใครไม่มีเวลาไปทำบุญ 9 วัด ก็อยากเชิญชวนร่วมทำกิจกรรมกับ "โครงการ 9 ในดวงใจ" ด้วยการร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีและสดุดีมหาราชาอย่างพร้อมเพรียงกัน เพื่อถวายความจงรักภักดี ในวันที่ 9 เดือน 9 ปี 2009 เวลา 09.09 น.

ทั้งนี้ เพราะอีกนัยของเลข 9 ที่มีความสำคัญยิ่งต่อคนไทย นั่นคือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรี

พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่เป็นหลักอันมั่นคงในการนำพาบ้านเมืองรอดพ้นวิกฤตทุกครั้งที่ผ่านมา

พระองค์ทรงเป็นศูนย์แห่งดวงใจและความสามัคคีภายในชาติยังคงความร่มเย็นเป็นสุขแก่ดวงใจของราษฎรทุกหมู่เหล่าภายใต้พระบรมโพธิสมภารพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน คนไทยทั้งมวลคงรับรู้กันดี

ไม่เพียงเท่านั้น ในคำสดุดีของพระมหากษัตริย์ทั่วโลกที่สรรเสริญพระเกียรติคุณของพระองค์ยังระบุไว้ว่า "พระองค์มิเพียงเป็นกษัตริย์ที่รักของประชาชนชาวไทยเท่านั้น แต่ยังทรงเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ของโลก"

การร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีและสดุดีมหาราชา หรือกิจกรรมสาธารณประโยชน์อื่น ในวันอภิมหามงคลดังกล่าวเพื่อถวายแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่เพียงแค่แสดงความจงรักภักดี แต่ยังเพื่อประกาศพระเกียรติยศของพระองค์ให้ชาวไทยทั้งประเทศ และทั่วโลกได้รับทราบในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน

นอกจากนี้ยังจะเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองและครอบครัว ที่ร่วมกันทำกิจกรรมดีๆ ดังกล่าว ในห่วงเวลา 9/9/09 ซึ่งร้อยปีพันปีจะมีสักครั้ง

2552/09/06

การกินผลไม้ให้ถูกวิธี


กินผลไม้ให้ถูกวิธี

พวกเราต่างคิดว่าการกินผลไม้เป็นเรื่องง่ายๆ แค่ซื้อมาแล้วก็ปอกจากนั้นก็หยิบเข้าปากเท่านั้น แต่คุณรู้หรือเปล่าว่า แท้จริงแล้วผลไม้นั้นควรกินในขณะท้องว่าง...ไม่ใช่เป็นของหวานหลังอาหารอย่างที่เราทำกันประจำ

ถ้าคุณกินผลไม้ในขณะท้องว่าง มันจะช่วยคุณในการล้างพิษจากร่างกาย ให้พลังงานสำหรับช่วงลดน้ำหนัก และกิจกรรมอื่นในชีวิตประจำวัน แต่คุณกินขนมปังแล้วตามด้วยผลไม้หรือเปล่า ถ้าทำอย่างนี้ขอให้เปลี่ยนใจนะคะ เนื่องจากผลไม้ย่อยได้เร็วกว่าขนมปัง ชิ้นผลไม้จะถูกย่อยอย่างรวดเร็วและพร้อมที่ผ่านกระเพาะไปสู่ลำไส้ แต่เส้นทางของมันถูกขวางไว้โดยขนมปัง ซึ่งใช้เวลาย่อยนานกว่า

ดังนั้นจะเป็นการดีกว่า ถ้าเรากินผลไม้ในขณะท้องว่างหรือก่อนมื้ออาหาร!

คงมีคนเคยบ่นกับคุณแบบนี้...ฉันเรอทุกครั้งที่กินแตงโม, เวลาฉันกินทุเรียน กระเพาะฉันพองขึ้น, เวลาฉันกินกล้วย ฉันรู้สึกอยากวิ่งไปห้องน้ำ เป็นต้น ที่จริงแล้วสิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าคุณกินผลไม้ในขณะท้องว่าง ผลไม้รวมตัวกับอาหารอื่นที่ถูกย่อย ทำให้เกิดแก๊สขึ้น จึงทำให้รู้สึกแน่น!

ผมหงอก หัวล้าน อาการหงุดหงิดเป็นกังวล รอยคล้ำใต้ดวงตา ทั้งหมดนี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าคุณกินผลไม้ในขณะท้องว่าง มีการเข้าใจผิดว่าผลไม้บางอย่าง เช่น ส้ม มะนาว ซึ่งเป็นกรด จะทำให้เกิดกรดในกระเพาะ

นักวิจัยได้แสดงให้เห็นว่า ผลไม้ทุกอย่างจะเปลี่ยนเป็นด่างภายในร่างกายเรา เมื่อคุณต้องการดื่มน้ำผลไม้ ให้ดื่มน้ำผลไม้สดเท่านั้น อย่าดื่มน้ำผลไม้กระป๋อง อย่าดื่มน้ำผลไม้ที่ผ่านความร้อน อย่ากินผลไม้ที่ถูกปรุงเป็นอาหาร เพราะคุณจะไม่ได้คุณค่าทางโภชนาการเลย คุณจะได้เพียงรสชาติเท่านั้น ดังนั้น เลิกทานทุเรียนทอด ถ้าคุณต้องการคุณค่าทางโภชนาการ

การนำผลไม้มาปรุงเป็นอาหารจะทำลายวิตามินทั้งหมด การกินเนื้อผลไม้หรือผลไม้ทั้งลูก จะดีกว่าการดื่มน้ำผลไม้ เพราะเส้นใยจากเนื้อผลไม้จะดีสำหรับคุณ ถ้าคุณดื่มน้ำผลไม้ ให้ดื่มช้าๆ ทีละคำ เพื่อให้น้ำผลไม้รวมกับน้ำลายของคุณก่อนที่จะกลืนลงไป

ถ้าคุณกินผลไม้อย่างถูกวิธีเป็นประจำ คุณก็จะมีเคล็ดลับของความงาม อายุยืน สุขภาพ พลังงาน ความสุข และน้ำหนักตัวที่เป็นปกติค่ะ

2552/09/02

ทำไมกบ-จิ้งหรีดต้องร้องเสียงดังหลังฝนตก

ท่านที่อยู่ในพื้นที่ธรรมชาติ จะสังเกตได้ว่า ฝนตกเมื่อไหร่ก็ตามจะได้ยินเสียงกบ จิ้งหวีด และสัตว์เล็กสัตว์น้อยอื่นๆ พากันร้องประสานเสียงกันระเบ็งเซ็งแซ่ไปทีเดียว เรื่องนี้คงมีคนสงสัยกันบ้างละว่าการร้องของกบและจิ้งหวีดไปเกี่ยวอะไรกับฝน

ความเชื่อที่ว่าจิ้งหรีดหรือกบร้องเฉพาะเวลาฝนตกหรือหลังฝนตกไม่ใช่ความจริงทางวิทยาศาสตร์ แต่มีเหตุบางอย่างที่ทำให้ดูเหมือนว่าพ้องกัน ข้อเท็จจริงก็คือเมื่อเกิดฝนตกน้ำฝนจะไหลท่วมรูที่กบและจิ้งหรีดอาศัยอยู่ ทำให้พวกมันต้องออกมาข้างนอก และทำกิจกรรมที่ตามปกติจะทำในรูหรือในที่กำบัง เช่น หาอาหาร ผสมพันธุ์ เป็นต้น จนดูเหมือนว่าฝนเป็นปัจจัยที่ทำให้กบหรือจิ้งหรีดส่งเสียงร้อง ความจริงเป็นการส่งเสียงตามปกติอยู่แล้ว แต่เราสามารถได้ยินด้วยก็เท่านั้นเอง นอกจากนั้นความเงียบของโลกหลังฝนตกเป็นเหตุผลเสริมอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เราได้ยินเสียงของสรรพชีวิตได้ดีเป็นพิเศษ

สรุป แล้วเป็นเรื่องของจิตใจและสัญชาตญาณของสัตว์โลกค่ะ สัตว์ทุกชนิดมีสัญชาตญาณและความรู้สึกนึกคิดคล้ายกับเราที่เป็นมนุษย์เหมือนกัน สิ่งมีชีวิตทั้งหลายจึงควรเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันโดยมีความจริงทางวิทยาศาสตร์เป็นตัวเสริม


ขอบคุณข้อมูลจาก วิทยาศาสตร์รอบตัว(จาก สสวท.)

2552/09/01

มีอะไร ในกระปุกครีม

มีอะไร ในกระปุกครีม? (Health & Cuisine)

เห็นรายชื่อส่วนผสมที่ปรากฏข้างกล่องครีมบำรุงผิวแล้ว ช่างมากมายจนน่าเวียนหัว เรามาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง




น้ำมัน เช่น ลาโนลิน, มิเนอรัล, โจโจบา, พริมโรส แม้กระทั่งน้ำมันสังเคราะห์ที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มออยล์ ฟรี เช่น ซีเทริล แอลกอฮอล์, พาลมิติก แอซิด เป็นต้น มีหน้าที่รักษาความชุ่มชื้นแก่ผิว



อิมัลซิฟายเออร์ หรือตัวเชื่อมน้ำกับน้ำมัน ทำให้เกิดรูปแบบของครีมหรือโลชั่น เช่น ทีอีเอ-สเตียเรต, ลอเรต-23, กลีเซอริล สเตียเรต



วอเตอร์ ไบดิ้ง เอเจ้นท์ หรือสารอุ้มน้ำ ช่วยเก็บกักน้ำเข้าสู่ผิว อาทิ กลีเซอรีน, ไฮยาลูโรนิค แอซิด, คอลลาเจน, อีลาสติน, อะมิโน แอซิด, กลูโคส, ฟรุกโตส, ไกลโคเจน



สารออกฤทธิ์ เป็นส่วนผสมที่สร้างความแตกต่างให้ครีมบำรุงแต่ละชนิด ที่พบทั่วไปได้แก่ วิตามินต่างๆ ช่วยให้ผิวกระจ่างใส โคเอนไซม์ คิวเทน สารสกัดจากเมล็ดองุ่น และสารสกัดจากเปลือกสน ช่วยต่อต้านริ้วรอย อัลฟา ไลโพอิค แอซิด ช่วยลบเลือนริ้วรอย


วัตถุกันเสีย เช่น ควอเตอร์เนียม-15 ฟีนอกซีเอทานอล ช่วยรักษาสภาพและสรรพคุณของเนื้อครีม สารปรุงแต่ง ช่วยผสานส่วนผสมให้เข้ากัน เช่น เซลลูโลส กลีเซอรีน ซิลิโคน ส่วนน้ำหอมทำให้เกิดกลิ่นหลากหลาย แต่ไม่มีประโยชน์กับผิวและอาจทำให้ระคายเคืองอีกด้วย

หยิบครีมบำรุงกระปุกต่อไป อย่าลืมเลือกให้ถูกใจผิวนะคะ