2553/11/30

รู้จัก "เล็บ" ดีหรือยัง*



"เล็บ" เป็นสิ่งหนึ่งในร่างกายที่สำคัญ สามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากภายนอก นอกเหนือจากผิวพรรณ และเส้นผมแล้ว ถือว่าเล็บเป็นอวัยวะที่บ่งบอกความสวยงามอย่างหนึ่ง ทุกคนต้องการให้เล็บมีสุขภาพดี ดูสวยและดูดี จึงมีกิจกรรมการเสริมสวยเล็บมากมายในปัจจุบัน เช่น ล้างเล็บ เคลือบเล็บ การทาสีเล็บให้เกิดความสวยงาม การเพ้นท์ลวดลายที่เล็บ เป็นต้น

เล็บเริ่มสร้างตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์มารดา เป็นสิ่งที่ธรรมชาติมอบให้แก่ร่างกายมนุษย์ ประกอบด้วย
เซลล์ของผิวหนังที่ตาย และ เคราตินแต่สามารถเพิ่มความยาวได้ตลอดเวลา อัตราการงอกของเล็บจะมีประมาณ 0.1-0.2 มม. ต่อวัน อาจจะงอกได้ช้าหรือเร็วกว่านี้ได้บ้าง โดยพบว่า อายุประมาณ 15-30 ปี จะเป็นช่วงที่เล็บยาวเร็วที่สุด โดยจะพบว่า อัตราการงอกของเล็บมือจะยาวเร็วกว่าเล็บเท้าประมาณ 2 เท่า เราจึงต้องตัดเล็บมือบ่อยกว่าเล็บเท้า และ ปกติคนเราจะนิยมตัดเล็บกัน 1-2 อาทิตย์ต่อครั้ง ลักษณะเล็บปกติ จะมีสีชมพูอ่อนๆ เรียบเสมอกัน ไม่มีรอยหยัก หรือโค้งงอ

หน้าที่และความสำคัญของเล็บ

  1. 1.ไว้หยิบจับสิ่งของที่มีขนาดเล็ก ชิ้นเล็กๆ
  2. 2.ไว้เกา เวลาคัน เพราะถ้าไม่มีเล็บ คุณก็จะเกาได้ไม่สะดวก คงหงุดหงิดพอสมควร
  3. 3.ไว้ฉีกอาหาร หรือสิ่งของบางอย่างให้เป็นชิ้นเล็กๆ
  4. 4.ไว้ป้องกันตัว เช่น ขูด ขีด ข่วน ใบหน้า
  5. 5.ไว้เกาศีรษะ เวลาสระผม
  6. 6.ช่วยในการเดินหรือวิ่งอย่างมีประสิทธิภาพ บางท่านที่เคยโดนถอดเล็บเท้า จะพบว่าเดินไม่ถนัด
  7. 7.เพื่อความสวยงาม บ่งบอกลักษณะ สุขภาพ รสนิยม บุคลิก ของผู้ที่เป็นเจ้าของเล็บที่สวยงามนั้นได้
  8. 8.ใช้บอกโรคบางชนิดของอวัยวะภายในต่างๆ ได้


ปัญหาความผิดปกติของเล็บที่พบบ่อย

ลักษณะความผิดปกติของเล็บ

  • จมูกเล็บอักเสบ (Paronychiae) มักพบได้บ่อยที่สุด โดยพบในกลุ่มผู้หญิงแม่บ้านที่มือเปียกน้ำบ่อยๆ และกลุ่มที่ชอบทำเล็บตามร้านเสริมสวย มีการตัดเล็มจมูกเล็บทำให้เกิดช่องว่างในซอกเล็บ แล้วน้ำเข้าไปเซาะขังอยู่ ทำให้เกิดการอักเสบภายหลัง โดยจะมีลักษณะของเล็บจะบวมแดงนูนออกมา มีอาการเจ็บปวดอักเสบบางครั้งร่วมกับอาการคัน เล็บมักจะปกติดี จมูกเล็บอักเสบเมื่อเกิดแล้ว ไม่ค่อยหายขาด เนื่องจากช่องว่างระหว่างขอบเล็บไม่ปิดสนิทแล้ว ส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่าตนเองเป็นเชื้อราที่เล็บ

  • เล็บเป็นเชื้อรา (Tinea Unguium) พบไม่บ่อยนัก และมักพบในผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ เช่น โรคเบาหวาน โรคเอดส์ ฯลฯ ลักษณะเล็บจะเปลี่ยนสีไป เช่น อาจจะดำคล้ำขึ้น สีเขียวหรือเหลือง ลักษณะเล็บเปลี่ยนรูปร่าง บิดเบี้ยว โค้งงอ แตกเปราะ หรือเป็นขุย

  • เล็บกร่อน (Onycholysis) ลักษณะเล็บจะผุ กร่อน แตกหัก เปราะง่าย เล็บขยุกขยุย เสียรูปทรง เป็นลูกคลื่นบ้าง บุ๋มบ้าง โค้งงอ หนาขึ้นบ้าง ฯลฯ สีเล็บจะต่างจากเดิมไปบ้างเล็กน้อย ภาวะนี้เกิดขึ้นเองไม่ทราบสาเหตุชัดเจน รักษาแก้ไขได้ยาก การทานวิตามินบำรุงเล็บ เช่น ไบโอติน จะช่วยได้บ้าง

  • สะเก็ดเงินที่เล็บ (Psoviasis) โรคสะเก็ดเงิน นอกจากจะมีผื่นสะเก็ดหนาที่ศีรษะ ตัวศอก เข่าแล้ว ยังเกิดความผิดปกติที่เล็บได้ด้วย ลักษณะเล็บหนาขึ้นที่ปลายเล็บมองเห็นได้ (Subungual hyperkeratosis) เล็บบุ๋ม (Pitting) เล็บเป็นลูกคลื่น (Ridging) รักษาค่อนข้างยาก ไม่หายขาด

อาการของเล็บ บ่งบอกลักษณะโรคบางโรคได้ เช่น

  • โรคหัวใจและโรคปอดเรื้อรัง อาจจะพบลักษณะของเล็บปุ้ม เล็บงุ้มมากผิดปกติ (clubbing finger) เล็บซีดเขียว
  • โรคไต อาจจะพบลักษณะของเล็บมีสีแตกต่างกัน (half and half nail) คือ ส่วนที่อยู่ชิดโพรงจมูกเล็บจะมีสีขาว ส่วนอีกครึ่งหนึ่งส่วนปลายเล็บเป็นสีปกติ เกิดจากบริเวณใต้ฐานเล็บมีการบวม
  • โรคมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา (melanoma) อาจจะทำให้ เล็บเปลี่ยนสี มีจุด สีดำ หรือแถบสีดำเกิดขึ้นได้ที่บริเวณเล็บ เป็นต้น ฯลฯ

วิธีดูแลปกป้องรักษาทะนุถนอมเล็บ

  • อย่าล้างมือบ่อยเกินไป หลังล้างมือแล้ว เช็ดให้แห้ง เป่าลมร้อนช่วยด้วยจะยิ่งทำให้เล็บแห้งได้สนิท
  • ถ้าจำเป็นต้องล้างจาน ซักผ้า ถูบ้าน ควรใส่ถุงมือเป็นประจำให้เป็นนิสัย
  • ทาโลชั่นที่บำรุงมือและเล็บโดยเฉพาะ (Hand and nail) อย่างสม่ำเสมอ
  • พยายามทาสีเล็บให้น้อยลงเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้เล็บได้พักผ่อน หลีกเลี่ยงการเพ้นท์สีเล็บที่อาจจะมีสารเคมีทำลายเนื้อเล็บได้
  • หลีกเลี่ยงทำเล็บบ่อยๆ ที่ร้านเสริมสวย เพราะช่างมักจะแคะเล็ม ตัดจมูกเล็บให้เสียหาย
  • ตัดเล็บให้มีขนาดสั้นพอประมาณ เพราะการไว้เล็บยาวเกินไปอาจทำให้เล็บเกิดฉีกขาดได้ง่าย

2553/11/26

ประจำเดือนแบบไหนที่ควรตกใจ!

ประจำเดือนเป็นเรื่องใกล้ตัวสาวๆทุกคน แต่ก็ใช่ว่าเราจะรู้เรื่องนี้กันดีนัก พอเกิดอาการผิดแผกแตกต่างจากเดือนก่อนๆขึ้นมา สาวๆก็ตกใจแทบสิ้นสติ มาเรียนรู้เรื่องประจำเดือนกันเถอะ

วิธีสังเกตประจำเดือนผิดปกติแบบง่ายๆ

ขั้นแรกให้ลองเปรียบเทียบกับประจำเดือนปกติ ซึ่งมีลักษณะดังนี้
1. ระยะเวลาเลือดประจำเดือนออกจะอยู่ในราว 4 - 6 วัน หากนานกว่า 7 วันถือว่าผิดปกติแล้ว
2. ปริมาณเลือดประจำเดือนในแต่ละเดือนประมาณ 30 มล.ขึ้นไป แต่ถ้ามากกว่า 80 มล. ถือว่าผิดปกติ
3. ระยะห่างระหว่างประจำเดือนจะมีเวลาประมาณ 24 - 35 วัน

หากมีลักษณะของประจำเดือนผิดไปจากที่กล่าวมา ข้างต้น เช่น มีปริมาณมากกว่าปกติ, รอบของประจำเดือนมีระยะเร็วกว่า 24 วัน หรือช้ากว่า 35 วัน, มีประจำเดือนมากและนาน หรือมีไม่เสมอต้นเสมอปลาย ก็ให้ถือว่าเข้าข่ายประจำเดือนมาไม่ปกติแล้ว

สาเหตุและการรักษา สาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติมีอยู่ 2 ประเภทคือ ประเภทแรกเป็นความผิดปกติจากการสร้างฮอร์โมนของรังไข่และเยื่อบุโพรงมดลูก หรือเป็นโรคบางอย่างเกี่ยวกับสมองที่มีหน้าที่ควบคุมการทำงานของรังไข่ ส่วนประเภทที่สองมีสาเหตุมาจากโรคเลือดบางชนิด ที่เมื่อเป็นแล้วจะมีอาการเลือดแข็งตัวช้า หยุดไหลได้ยาก หรือโรคที่เกิดจากการติดเชื้อบางอย่างในโพรงมดลูก ส่วนวิธีรักษานั้นขึ้นอยู่กับสาเหตุของความผิดปกติ หมออาจจะรักษาด้วยยา ฮอร์โมน หรือวิธีอื่นๆ ตามแต่กรณี

ควรตรวจภายในตั้งแต่อายุเท่าไหร่?

จริงๆ แล้วไม่มีกำหนดอายุที่แน่นอน แต่หากแต่งงานมีบุตรแล้วก็ควรตรวจภายในและตรวจคัดกรองปากมดลูกปีละหน ในกรณีที่อายุน้อยกว่า 45 ปี และไม่พบความผิดปกติในครั้งแรก ก็สามารถเว้นช่วงห่างในการตรวจประมาณ 3 - 5 ปีต่อครั้ง

สำหรับสาวๆ ช่างสงสัยว่าเมื่อไรนั้น ก็ให้ดูว่าหากมีอาการผิดปกติ เช่น เลือดออกนอกรอบเดือน มีอาการปวดท้องน้อย หรือคลำก้อนเนื้อบริเวณท้องน้อย คุณหมอแนะนำว่าควรพบสูตินารีแพทย์เพื่อทำการตรวจรักษา และข้อสำคัญคือ หากพบอาการผิดปกติอย่าปล่อยทิ้งไว้นาน ยิ่งในปัจจุบันนี้มีสูตินารีแพทย์ที่เป็นหญิงมากขึ้น คุณสามารถเข้ารับการรักษาและรับคำปรึกษาได้อย่างสะดวกและสบายใจ


หลังประจำเดือนหมด 2 - 3 วัน มีเลือดออกกะปริดกะปรอยสีค่อนข้างคล้ำ ถือว่าผิดปกติหรือไม่
ควร ทำความเข้าใจก่อนว่า ปกติทั่วไปประจำเดือนมักมามากในช่วง 1 - 2 วันแรก จากนั้นจะค่อยๆลดลงจนกระทั่งจางหมดไป ในบางรายอาจมีลักษณะกะปริดกะปรอยบ้างซึ่งไม่ถือว่าผิดปกติแต่อย่างใด แต่หากมีเลือดประจำเดือนออกซ้ำหลังประจำเดือนหมดไปนานแล้ว ควรพบแพทย์เพื่อทำการตรวจรักษาทันที


การกินยาคุมกำเนิด เพื่อรักษาสิว หรือเพื่อเลื่อนประจำเดือน มีผลกระทบอย่างไร?

ข้อ นี้คุณหมอบอกว่า ในบางรายจะมีกระทบบ้างแต่ก็ไม่เป็นอันตรายรุนแรง เช่น อาจเกิดอาการแพ้ยาคุมกำเนิด แต่โดยทั่วไปไม่มีผลกระทบหากใช้ยาภายใตคำแนะนำและการควบคุมของแพทย์ ดังนั้นสาวๆก็ไม่ควรไปซื้อยามาใช้เอง ถ้าอยากสวยขอแนะนำว่าไปพึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญดีกว่ากันเยอะ

2553/11/18

ปัจจัย 9 อย่างสำหรับการมีชีวิตที่น่าพอใจ


ปัจจัย 9 อย่างสำหรับการมีชีวิตที่น่าพอใจ

มีสุขภาพดีพอเพียง ที่จะทำให้คุณทำงานได้อย่างรื่นรมย์

มีความมั่งคั่งพอเพียง ที่จะสนองความต้องการพื้นฐานของคุณ

มีพละกำลังมากพอ ที่จะต่อสู้และเอาชนะความยากลำบาก

มีคุณธรรมเพียงพอ ที่จะสารภาพและเลิกทำบาป

มีความอดทนเพียงพอ ที่จะลงแรงจนทำให้เกิดสิ่งดีๆขึ้น

มีจิตใจเมตตาเพียงพอ ที่จะเห็นแง่ดีของเพื่อนบ้าน

มีความรักมากเพียงพอ ที่จะทำตัวให้เป็นประโยชน์และช่วยเหลือคนอื่น

มีศรัทธามากเพียงพอ ที่จะทำให้สิ่งดีงามเป็นจริงขึ้นมา

มีความหวังมากเพียงพอ ที่จะขจัดความกลัวความกังวลในอนาคต

2553/11/07

10 อันดับ ประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก

10.ประเทศญี่ปุ่น Japan


ประชากร : 127,630,000
เมืองหลวง : กรุงโตเกียว
ที่ตั้ง : ทวีปเอเซีย

9.สหพันธรัฐรัสเซีย Russia

ประชากร : 141,825,000
เมืองหลวง : กรุงมอสโก
ที่ตั้ง : ทวีปเอเซีย+ยุโรป = ยูเรเซีย

8. สหพันธ์สาธารณรัฐไนจีเรีย Republic of Nigeria

ประชากร : 154,729,000
เมืองหลวง : กรุงอาบูจา
ที่ตั้ง : ทวีปแอฟริกา

7.สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ People's Republic of Bangladesh

ประชากร : 162,221,000
เมืองหลวง : กรุงธากา
ที่ตั้ง : ทวีปเอเซีย

6.สาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน Islamic Republic of Pakistan

ประชากร : 166,418,000
เมืองหลวง : กรุงอิสลามาบัด
ที่ตั้ง : ทวีปเอเซีย

5.บราซิล Brazil

ประชากร : 191,284,848
เมืองหลวง : กรุงบลาซีเลีย
ที่ตั้ง : ทวีปอเมริกาใต้

4.สาธารณรัฐอินโดนีเซีย Republic of Indonesia

ประชากร : 230,227,687
เมืองหลวง : กรุงจา์กาตาร์
ที่ตั้ง : ทวีปเอเซีย

3.สหรัฐอเมริกา United State of America





ประชากร : 306,460,000
เมืองหลวง : วอชิงตัน ดีซี
ที่ตั้ง : ทวีปอเมริกาเหนือ

2.อินเดีย India

ประชากร : 1,163,480,000
เมืองหลวง : นิวเดลี
ที่ตั้ง : ทวีปเอเซีย

1.สาธารณรัฐประชาชนจีน People's Republic of China

ประชากร : 1,338,156,900
เมืองหลวง : กรุงปักกิ่ง
ที่ตั้ง : ภูมิภาคเอเชียตะวันออก




2553/11/01

การดูแลผิว ในฤดูหนาวนี้*

เมืองไทยเราเมื่อถึง ฤดูหนาว ในแถบภาคเหนือและ ตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศจะ หนาว จัด ลมพัดแรงและ แห้ง ซึ่งจะก่ออันตรายต่อผิว

การดูแล ผิวพรรณใน ฤดูหนาว จะต้องแบ่งตาม วัย และ ผิวพรรณ พื้นฐานของแต่ละคน


ในวัยเด็กเล็ก ถ้าอากาศ หนาว จัด และ ลมพัดแรงจัด ไม่ควรพาเด็กออกไปตากลมแรงๆ ควรใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว ใส่หมวก โดยเฉพาะเด็กทารก เนื้อผ้าควรเป็นผ้าเนื้อนุ่ม เป็นผ้าสำลีจะดีมาก ผ้าแพร ควรหลีกเลี่ยงเพราะเมื่อสวมใส่จะยิ่ง หนาว เย็นมากขึ้น เมื่อเด็กปัสสาวะรดผ้า ควรรีบเปลี่ยนทันที และจัดการ ทำความสะอาด บริเวณนั้นด้วย น้ำสะอาด ที่อุณหภูมิไม่เย็นมากและไม่ร้อนมาก อาจใช้ สบู่ สำหรับเด็กในการ ทำความสะอาด โดยถูเพียงเบาๆ แล้วรีบล้าง สบู่ ออกให้เกลี้ยง เช็ดให้แห้งแล้วใส่กางเกงหรือผ้าอ้อมผืนใหม่

ใน ฤดูหนาว นั้น เมื่อต้องการอาบน้ำให้เด็ก ควรใช้ผ้าชุบน้ำเช็ด ใบหน้า โดยไม่ถู สบู่ ส่วนลำตัว แขนและขา เนื่องจากเหงื่อไม่ออกมาก จึงงดฟอกสบู่ เพียงวันละครั้งก็จะเพียงพอ และควรใช้สบู่ สำหรับเด็กเท่านั้น เนื่องจาก สบู่ ชนิดนี้มีความเป็นกรดด่างคล้ายผิวทารก ไม่ค่อยเจือปนกลิ่นหอม หรือ สารระคายเคืองผิวแต่อย่างใด หลังอาบน้ำ ถ้าพบว่า ผิวพรรณ ค่อนข้าง แห้ง ควรทา ครีมบำรุง บอดี้โลชั่น หรือ วาสลิน ถนอมผิว เพื่อเพิ่มความ ชุ่มชื้น ให้มากขึ้น การทาไม่ควรทาจนไหลเยิ้ม ให้ทาเพียงหมาดๆ ก็พอ การทามากอาจเกิดผลข้างเคียง เช่น คันยิบๆ สิว ต่อมขนอักเสบ เป็น ตุ่มแดงๆ ตุ่มหนองเล็กๆ ซึ่งมักเกิดจากการทาในร่มผ้า หรือที่อับชื้นมากๆ ได้แก่ ขาหนีบ รักแร้

สำหรับวัยรุ่น เป็นวัยที่มีจิตใจวิตกกังวลกับ ผิวพรรณ มาก ดูได้จาก ผลิตภัณฑ์ ของใบหน้า และ เส้นผม ที่ทำออกมาจำหน่าย จะมียอดขายแต่วัยรุ่นมากกว่าวัยอื่นๆ อย่างที่ทราบ ฤดูหนาว อากาศแห้ง และ เย็น ผิวจะขาดความ ชุ่มชื่น ดังนั้นสำหรับ ใบหน้า ที่เคยเช็ดด้วย โลชั่น ทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของ แอลกอฮอล์ นั้น ควรลดจำนวนครั้งลง หรือ งดชั่วคราว เนื่องจาก แอลกอฮอล์ มีคุณสมบัติพิเศษ คือ ทำให้ ผิวแห้ง และ ระคายเคืองได้เล็กน้อย เปลี่ยนเป็นเช็ดเบาๆ ด้วยกระดาษหรือ ผ้านิ่มๆ เพื่อซับ ความมัน บนใบหน้า หรืออาจล้างด้วยน้ำเปล่า หรือฟอก สบู่ ล้างหน้าเฉพาะช่วงกลางใบหน้า รวมระหว่างคิ้ว จมูก ซอกจมูก คาง ส่วนแก้มด้านข้าง มักจะมี ผิวแห้ง อยู่แล้ว โดยธรรมชาติสร้างมาให้มี ต่อมไขมัน และ ต่อมเหงื่อ น้อยกว่าบริเวณกลางใบหน้า จึงไม่ควรฟอก สบู่ บริเวณนี้มากนัก

ในการอาบน้ำ ควรถู สบู่ เฉพาะส่วนกลางลำตัว ร่องอก กลางหลัง เพราะบริเวณนี้มี ต่อมไขมัน และ ต่อมเหงื่อ มาก แต่อย่างไรก็ตามวันละครั้งน่าจะเพียงพอ แขนและขานั้นโดยธรรมชาติสร้างให้มี ต่อมไขมัน น้อย ผิวจึงไม่ค่อย มัน ประกอบกับต้องเผชิญ กับ ความหนาวเย็น และ กระแสลมด้วยจึงมี ผิวแห้ง ควรงด สบู่ หรือฟอกเว้นวันก็ได้ เมื่ออาบน้ำควรล้างด้วยน้ำเปล่าปริมาณมาก เพื่อล้างฝุ่นละอองออกไป
สำหรับวัยรุ่นชาย ซึ่งชอบ ออกกำลังกาย และ เหงื่อมาก ควรรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียก เหงื่อออกทันที และจัดการทำความสะอาด ใบหน้า และ ลำตัว ด้วย สบู่ เพื่อขจัด เหงื่อไคล ออกไปให้หมด สำหรับการแต่งกาย เพื่อไปเรียนหนังสือต้องใส่เสื้อแขนยาวที่มีขนาดความหนาพอสมควรกับอากาศในท้องถิ่น บางโรงเรียนอนุญาตให้สวมกางเกงขายาวไปเรียนได้ ก็เป็นการดียิ่งเพราะกางเกงขาสั้นของเด็กชายนั้น ป้องกันความหนาวจัดไม่ได้ ถุงเท้าควรเลือกใช้ชนิดที่เนื้อผ้าหนาและมีความยาวกึ่งกลางน่องจะช่วยป้องกัน ความหนาว ได้ดี เป็นการเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย

วัยทำงาน ถ้าโชคดีได้ทำงานในห้องติดแอร์คอนดิชั่นด้วย ควรเพิ่มอุณหภูมิขึ้นอีก 2-3 องศา เพราะอากาศภายนอกอาคารเย็นอยู่แล้วหรือปิดแอร์ในบางครั้ง และปิดพัดลมแทนบ้างถ้าอากาศเย็นมากไป การสวมถุงน่องจะช่วยป้องกัน ความหนาว เย็นได้ดี ในวัยนี้ ผิวพรรณ ยังแข็งแรง ต่อมไขมัน ทำงานได้เต็มที่ สามารถผลิตไขมันออกมาได้มากบริเวณใบหน้า อก กลางหลัง ในการทำความสะอาดจึงควรฟอก สบู่ เพื่อล้าง ไขมัน ออกบ้าง แต่ควรทำวันละครั้งก็จะพอเพียง สำหรับชนบทที่มี อากาศหนาวเย็น มาก การทำงานกลางแดดจะเพิ่มความอบอุ่นได้ดี แต่ควรหันหลังให้ดวงอาทิตย์ และสวมเสื้อผ้าเพื่อป้องกันแสงแดดมิให้กระทบผิวโดยตรง เนื่องจากใน ฤดูหนาว แม้อากาศจะ หนาวเย็น แต่แสงแดดจะมีแสงสว่างจ้ามาก และมีอันตรายต่อผิวในระยะยาว อย่างไรก็ดี ไม่เห็นด้วยกับการสุมไฟกลางแจ้งแล้วนั่งล้อมกองไฟ เพื่อเพิ่มความอบอุ่นโดยการนั่งเฉยๆ เพราะเป็นการเสียเวลาทำงาน แต่ควรใส่เสื้อผ้าหนาเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกายและปฏิบัติงานตามปกติจะดีกว่า เพราะเป็นการออกแรงสร้างพลังงาน ทำให้หาย หนาว และยังได้เม็ดงานออกมาเป็นชิ้นเป็นอันด้วย เป็นการเพิ่มพูนรายได้ไปในตัว

วัยสูงอายุ ผิวจะ แห้ง กว่าวัยอื่นๆ ที่กล่าวมาแล้ว นอกจาก ผิวแห้ง แล้วยังมีความบางของ ผิว ร่วมด้วย ดังนั้นจึงเกิดความรู้สึก หนาว ง่ายกว่าวัยอื่นๆ เสื้อผ้าหนา แขนและขายาวจึงจำเป็นสำหรับวัยนี้เป็นอย่างมาก การรับ เสื้อผ้า จากการบริจาคควรทำความสะอาดโดยการซักตากแดดหรือรีดด้วยความร้อนสูง เพื่อฆ่าเชื้อราที่ติดมากับเสื้อผ้าบริจาค เพราะเสื้อผ้าเหล่านี้ผ่านการใช้มาแล้วจากผู้อื่น แม้จะรู้สึกหนาวมาก แต่ไม่ควรอาบ น้ำอุ่น ที่มีอุณหภูมิสูงเกินไป เพราะจะทำให้ชั้นขี้ไคลลอกออกมากทำให้ ผิวแห้ง มากยิ่งขึ้น

วัยนี้ ต้องกลับไปใช้ สบู่ เด็กอีกครั้ง เพราะ ผิวแห้ง และ บางเหมือนผิวเด็ก ถ้าใช้ สบู่ สำหรับผู้ใหญ่จะเกิดอาการระคายเคือง และผิวลอกมากขึ้น แม้จะเปลี่ยนมาใช้ สบู่ เด็กแต่ไม่ควรฟอก สบู่ บ่อยเกินไปใน ฤดูหนาว อาจใช้ทุก 2-3 วัน หรือบางรายถ้าใช้ขนาดนี้แล้วผิวยัง แห้ง อาจต้องงดใช้ สบู่ ในช่วงฤดูหนาว และถ้ากลัวสกปรกก็ควรใช้น้ำปริมาณมาก ล้างทำความสะอาดส่วนที่รู้สึกว่าจะสกปรก ก็น่าจะเพียงพอ ภายหลังจากทำความสะอาดผิวพรรณแล้ว ควรทา ครีมบำรุง บอดี้โลชั่น หรือ วาสลินโลชั่น บริเวณขอบเล็บ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า แขน ขา และสีข้างด้วย ในการล้างชามหรือซักผ้านั้นในผู้สูงอายุ ควรสวมถุงมือเสมอเพราะน้ำยาล้างชามและยาผงซักฟอก มีคุณสมบัติเป็นด่างแรงจึงระคายผิวมาก ทำให้ผิวมือสากและแข็งกระด้างเมื่อสัมผัสบ่อยๆ

อากาศหนาว และ แห้งแล้ง มีผลทำให้ หนังศีรษะ ลอกเป็นแผ่นบางๆ เหมือนกับการเป็นรังแค จึงควรสระผมด้วย แชมพูขจัดรังแค เช่น แชมพูผสมซิงค์ไพริไทโอน หรือ ซีรีเนียมซัลไฟด์ สลับกันอย่างละ 1-2 เดือน ก็จะเป็นการดีกว่าใช้ แชมพูชนิดเดียวติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะจะเกิดการดื้อยาได้ง่าย

ผู้ที่เป็น โรคผิวหนัง จากภูมิแพ้ โดยเฉพาะ เด็กเล็กอาการมักกำเริบใน ฤดูหนาว โดยมี ผิวแก้มแดง แตกระแหง และ ลอกเป็นขุย จึงควรพบ แพทย์ผิวหนัง บ่อยครั้งกว่าภาวะปกติ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน และควรทายาอย่างสม่ำเสมอจะเป็นผลดีต่อเด็กในระยะยาว