2553/01/27

ปริศนาเจ้าหญิงอนาสตาเซีย


ปริศนาเจ้าหญิงอนาสตาเซีย

แกรนด์ ดัชเชส อนาสตาเซีย แห่งรัสเซีย (Grand Duchess Anastasia Nikolaevna of Russia) ทรงเป็นพระราชธิดาลำดับที่4ของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่2และพระนางอเล็กซานดราแห่งราชวงศ์โรมานอฟ (Romanov)แห่งรัสเซีย


ภาพราชวงศ์โรมานอฟ


พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่2และพระนางอเล็คซานดราทรงมีพระโอรสและพระราชธิดารวมทั้งสิ้น4พระองค์คือเจ้าหญิงโอลกา เจ้าหญิงมาเรีย เจ้าหญิงทาเทียนา เจ้าหญิงอนาสตาเซียและเจ้าชายอเล็กเซย์

เจ้าหญิงอนาสตาเซีย ถูกสันนิษฐานว่าทรงถูกประหารพร้อมพระบิดา พระมารดาและเชื้อพระวงศ์ เมื่อวันที่ 17กรกฎาคมค.ศ.1918 เมื่อพระนางมีพระชนมายุเพียง17ชันษา โดยกองกำลังตำรวจลับบอลเชวิคแต่ได้มีการเล่าขานว่า เจ้าหญิงอนาสตาเซีย เป็นพระธิดาองค์เดียวที่ทรงรอดมาได้จากการถูกสังหารของกองตำรวจลับ บอลเชวิค เพราะขณะที่ฝ่ายบอลเชวิคยิงประหารพระองค์กระสุนได้กระทบกับเครื่องประดับ ที่เป็นอัญมณีและกระเด้งหายไป แต่พระองค์ก็ทรงแกล้งสิ้นพระชนม์

เรื่องเล่าขานนี้ถือเป็นเรื่องที่โด่งดังที่สุดเรื่องหนึ่งในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ไม่กี่ปีต่อมาหลังจากการประหารได้มีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วว่าแกรนด์ดัชเชสองค์เล็ก ยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ ในที่สุด ใน ค.ศ. 1922 ก็ได้มีสตรีผู้หนึ่งนามว่า แอนนา แอนเดอร์สัน ประกาศตนว่าเป็นอนาสตาเซีย แต่ก็ได้มีการตรวจดีเอ็นเอใน ค.ศ. 1994และผลที่ได้คือ เธอมิใช่อนาสตาเซียตามที่อ้างแต่อย่างใด อย่างไรก็ดี ผู้สนับสนุนหลายคนปฏิเสธผลการพิสูจน์นี้ อีกผู้หนึ่งที่อ้างว่าตนคืออนาสตาเซีย คือ ยูจิเนีย สมิธ ใน ค.ศ. 1986 ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มโต้เถียงเรื่องอนาสตาเซีย แต่คำกล่าวอ้างของเธอไม่สอดคล้องกับความจริง

ใน ค.ศ. 1991ได้มีการค้นพบพระศพ 2 พระศพ พระศพหนึ่งเป็นของ ซาเรวิช อเล็กเซย์ พระโอรสองค์เล็ก และอีกพระศพซึ่งได้รับการยืนยันจากนักวิชาการว่าคือพระศพของ อนาสตาเซีย ทั้ง 2 พระศพมิได้ถูกฝังร่วมกับพระบิดา พระมารดา และพระภคินี แต่ถูกเผาโดยกลุ่มคนที่ไม่ทราบแน่ชัดในป่าข้างๆ สุสาน

ใน ค.ศ. 2000คริสต์จักรนิกายรัสเซียนออร์โธดอกส์ได้ประกาศให้ พระเจ้าซาร์นิโคลัส พระนางอเล็กซานดรา แกรนด์ดัชเชสโอลกา แกรนด์ดัชเชสทาเทียนา แกรนด์ดัชเชสมาเรีย แกรนด์ดัชเชสอนาสตาเซีย และ ซาเรวิช อเล็กเซย์


2553/01/22

ดอกดาหลา




ชื่อวิทยาศาสตร์ : Etlingera elatior (Jack) R.M. Smith

ชื่อพ้อง : Phaeomeria magnifica, Nicolaia elatior

ชื่อสามัญ : ดาหลา

วงศ์ : Zingiberalesชื่อ

อื่น ๆ : กาหลา, กะลา

ถิ่นกำเนิด : เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ต้นดาหลา เป็นชื่อของพืชล้มลุกประเภทใบเลี้ยงเดี่ยวชนิดหนึ่งซึ่งมีดอกที่สวยงาม มีความนิยมปลูกเป็นไม้ตัดดอก ที่อยู่ในวงศ์ขิง( Zingiberales) ซึ่งจัดเป็นพืชที่อยู่ในวงศ์เดียวกันกับขิงและข่านั้นเอง ส่วนลำต้นดาหลาจะอยู่ใต้ดินที่พวกเราเรียกว่าเหง้าซึ่งเหง้าที่พูดถึงนี้จะเป็นจุดกำเนิดของหน่ออ่อนของทั้งต้นและดอกดาหลาต่อไป
ต้นดาหลานอกจากจะนำมาเป็นไม้เพื่อชมความสวยงามของดอกแล้วยังสามารถนำดอกมาประกอบอาหารได้และก็มีคุณค่าทางสมุนไพรสูงมากด้วย

ลักษณะทางพฤษศาสตร์
ลำต้น ดาหลาเป็นพืชที่มีลักษณะคล้ายข่า มีลำต้นใต้ดินเรียกว่าเหง้า (rhizome) เหง้ามนี้จะเป็นบริเวณที่เกิดของหน่อดอกและหน่อต้น ดาหลา 1 ต้น สามารถให้หน่อใหม่ได้ประมาณ 7 หน่อ ในเวลา 1 ปี ส่วนลำต้นเหนือดินเป็นกาบใบที่โอบซ้อนกันแน่น เช่นเดียวกับพวกกล้วย ส่วนนี้คือลำต้นเทียม (pseudostem) ลำต้นเหนือดินสูง 2-3 เมตร มีสีเขียวเข้ม

ใบ มีรูปร่างยาวรี กลางใบกว้างแล้วค่อย ๆ เรียวไปหาปลายใบ และฐานใบ ใบไม่มีก้านใบ ผิวเกลี้ยงท้งด้านบนและด้านล่าง ใบยาว 30-80 เซ็นติเมตร กว้าง 10-15 เซนติเมตร ปลายใบแหลมฐานใบเรียวลาดเข้าหาก้านใบ เส้นกลางใบปรากฏชัดทางด้านล่างของใบ

ดอก ดอกดาหลาเป็นดอกช่อมีลักษณะดอกแบบ (head) ประกอบด้วยกลีบประดับ

Bract มี 2 ขนาด ส่วนโคนประกอบด้วยกลีบประดับขนาดใหญ่ มีความกว้างกลีบ 2-3 ซ.ม. จะมีสีแดงขลิบขาวเรียงซ้อนกันอยู่และจะบานออก ประมาณ 25-30 กลีบ และมีกลีบประดับขนาดเล็กอยู่ส่วนบนของช่อดอก ความกว้างกลีบประมาณ 1 ซ.ม. ซึ่งมีสีเดียวกับกลีบประดับขนาดใหญ่ กลีบประดับเล็กนี้จะหุบเข้าเรียงเป็นระดับมีประมาณ 300-330 กลีบ ภายในกลีบประดับขนาดใหญ่ที่บานออกจะมีดอกจนิงขนาดเล็กกลีบดอกสีแดง ซึ่งเป็นดอกสมบูรณ์เพศอยู่จำนวนมาก ดอกบานเต็มที่จะมีขนาดความกว้างดอกประมาณ 14-16 เซนติเมตร ความยาวช่อ 10-15 เซนติเมตร มีก้านช่อดอกยาว 30-150 เซนติเมตร ลักษณะก้านช่อดอกแข็งตรง ดอกจะออกตลอดปีแต่จะให้ดอกดกที่สุดในช่วงฤดูร้อน คือ เดือนมีนาคม - พฤษภาคม ดอกจะพัฒนามาจากหน่อดอกที่แทงออกมาจากเหง้าใต้ดินลักษณะของหน่อจะมีสีชมพู ที่ปลายหน่อ

ประโยชน์และสรรพคุณ : ดอกดาหลามีรสเผ็ดร้อน มีสรรพคุณช่วยแก้ลมพิษ แก้โรคผิวหนัง ช่วยขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ เนื่องจากดอกดาหลามีกลิ่นหอมเฝื่อนๆ และอมเปรี้ยว จึงมักนิยมนำกลีบดอกไปยำ หรือจะนำดอกตูมและหน่ออ่อนต้มจิ้มน้ำพริก ใส่แกงเผ็ดก็ได้

สายพันธ์
-ดอกสีแดงได้แก่ พันธุ์บัวแดงใหญ่ พันธุ์แดงอินโด
-ดอกสีชมพู ได้แก่ พันธุ์บานเย็น

2553/01/16

5 สูตรสวยด้วยเกลือ


ทราบหรือไม่ว่า เกลือก็สามารถทำให้สวยได้ วันนี้มี 5 สูตรสวยด้วยเกลือมาฝากกัน...

1. ลดรอยช้ำรอบดวงตา

สมเกลือ 1 ช้อนชาในน้ำร้อนครึ่งถ้วย จากนั้นใช้ผ้าหรือสำลีชุบน้ำเกลือมาปิดตาไว้สัก 5-10 นาที รอยช้ำรอบดวงตาจะค่อยๆจางลง

2. หน้ามันน้อยลง

ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำร้อนพอหมาดมาปิดหน้าไว้สัก 3-5 นาที เพื่อช่วยเปิดรูขุมขนก่อน ต่อจากนั้นใส่น้ำลงในขวดสเปรย์ เติมเกลือลงไป 1 ช้อนชา เขย่า ให้เกลือละลายแล้วฉีดเกลือใส่หน้าให้ทั่ว แล้วใช้ผ้าขนหนูเช็ดหน้าให้แห้ง

3. เพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิว

ผสมเกลือ 1/2 ถ้วยลงในอ่างอาบน้ำ แช่ตัวประมาณ 15-20 นาที จากนั้นเช็ดตัวให้แห้งแล้วทาครีมบำรุงผิวซ้ำ เกลือจะช่วยให้ผิวชุ่มชื่นยิ่งขึ้น

4. ขัดผิวให้สวยใส

โดยใช้เกลือผงถูตัวแล้วใช้ฟองน้ำหรือผ้าขนหนูขัดตัวให้ทั่วช่วยให้เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วหลุดออกมา ขณะเดียวกันก็กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในร่างกายด้วย

5. ผ่อนคลายอาการเมื่อยล้าที่เท้า

ผสมเกลือประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะลงในน้ำอุ่น นั่งแช่เท้าประมาณ 30 นาที วิธีนี้เหมาะกับคนที่เดินนาน ๆ รวมทั้งสาว ๆ ที่ต้องใส่ส้นสูงตลอดวัน


รู้อย่างนี้แล้ว ลองนำเกลือมาทำตามวิธีที่แนะนำกันดูได้.



2553/01/13

Liechtenstein !

วันนี้อาจารย์เกรียงไกรพูดถึง "นครรัฐลิกเตนสไตน์" ให้ฟังว่าเป็นเมืองที่น่าไปเที่ยวมั๊กๆ เพราะ เมืองนี้สวย และ บ้านคนในเมืองนี้จะเหมือนอยู่ในการ์ตูนค่ะ
เลยอยากเห็นว่าสวยแค่ไหนเพื่อในอนาคตเราอาจได้ไปเหยียบที่นั้นก็ได้ ><~


มาดูข้อมูลย่อยๆกันก่อนดีกว่า
ลิกเตนสไตน์ (Liechtenstein) หรือชื่อทางการคือ ราชรัฐลิกเตนสไตน์ (Principality of Liechtenstein) เป็นประเทศที่อยู่ในวงล้อมของประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล มีพื้นที่ขนาดเล็ก อยู่ทางตะวันตกของทวีปยุโรป มีพรมแดนด้านตะวันตกติดกับประเทศสวิตเซอร์ลนด์ และด้านตะวันออกติดกับออสเตรีย ภูมิประเทศเต็มไปด้วยภูเขาสูง เป็นที่นิยมของนักเล่นกีฬาฤดูหนาว และยังมีชื่อเสียงในฐานะเป็นประเทศที่เก็บภาษีต่ำมากประเทศหนึ่งด้วย


ลิกเตนสไตน์แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 11 เทศบาล
- บัลเซอส์ (Balzers) - ทางใต้ของประเทศ รวมทั้งเมืองเมลส์ (Mäls)
-
เอสเชิน (Eschen) - ทางเหนือของประเทศ รวมทั้งเมืองเนนเดิลน์ (Nendeln)
-
กัมพริน (Gamprin) - ริมแม่น้ำไรน์ ทางตะวันตกของเอสเชิน รวมเมืองเบนแดร์น
(Bendern)
-
เมาเริน (Mauren) - ทางเหนือ ใกล้กับเอสเชิน รวมเมืองชานวัลด์
(Schaanwald)
-
พลังเคิน
(Planken) - เทศบาลที่เล็กที่สุด ทางภาคกลางตอนบน
-
รุกเกิลล์ (Ruggell) - ริมแม่น้ำไรน์
ตั้งอยู่ทางเหนือสุด
-
ชาน
(Schaan) - มีประชากรมากที่สุด อยู่ทางเหนือของวาดุซ
-
เชลเลนแบร์ก
(Schellenberg) - ตั้งอยู่ทางเหนือ
-
ทรีเซิน
(Triesen) - ริมแม่น้ำไรน์ ทางใต้ของวาดุซ
-
ทรีเซนแบร์ก (Triesenberg) - อยู่ระหว่างวาดุซและทรีเซิน รวมทั้งเมืองชเตก (Steg) และมัลบุน
(Malbun)
-
วาดุซ (Vaduz) - อยู่ตามแนวฝั่งแม่น้ำไรน์ ทางภาคกลางของประเทศ






นั่งเซิทหารูปของ Liechtenstein หายากมายเลย ส่วนมากที่ขึ้นมาจะเป็นรูปการ์ตูนซะส่วนใหญ่ แต่โชคดีที่ไปเจอ
บล๊อคของคุณลุงคุณป้าคู่นึงที่ไปเที่ยวสวิทมา ขอบคุณมากน๊าคร๊า ^_______^

นู๋เลยได้ภาพสวยๆมาให้เพื่อนๆดูกัน ภาพนี้เป็นภาพที่ เมืองวาดุซนะจ้ะ ถ้าเจอภาพสวยๆจะมาใส่ให้ดูใหม่เน้อออออ











2553/01/09

Moi-Même



Je suis bonne humeur,gaie,volontaire,réfléchi et dynamique.

Je n'aime pas les gens qui sont secrets,capricieux,hypocrits,égoists et jaloux.

Je suis bonne humeur et gaie mais j'aime gens qui sont inquiet.



2553/01/01

๐๑/๐๑/๒๕๕๓





วันนี้...วันปีใหม่
ความสดใสจงนำหน้า
ความสุขเดินตามมา
ขนาบซ้ายขวาด้วยพลังใจ


ขอเติมเต็มความเข้มแข็ง
เสริมความแกร่งให้หทัย
ยืนหยัดอย่างมั่นใจ
ก้าวต่อไปให้มั่นคง


ขอพรย้อนสู่เพื่อน
ตราบแสงเดือนมิมอดลง
ความดีจงหนุนส่ง
ขอเพื่อนจง...จงโชคดี...ตลอดปีและตลอดกาล