2553/05/20

ว่าด้วยเรื่องของแครอท !

แครอทเป็นพืชกินหัวที่มีปลูกมากในประเทศไทย และเป็นที่รู้จักกันมานานแล้ว แครอท เกิดในแถบเอเชียตะวันออกและเอเชียกลาง ออกดอกราวเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม ดอกแตกเป็นชั้นคล้ายร่ม ชั้นนอกสีชมพู ตรงกลางสีม่วงแดง แครอทสมัยโบราณมีเนื้อแข็ง เสี้ยนเยอะเหมือนไม้ สีของหัวแครอทมีตั้งแต่สีเหลืองไปจนถึงสีม่วง แต่แครอทสีส้มที่รับประทานกันอยู่ทุกวันนี้ เป็นแครอทที่ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์เมื่อศตวรรษที่ 18 นี้เอง



หัว ใช้รับประทานบำรุงสายตา แก้โรคตาฟาง นำคั้นจากหัวใช้ผสมกับนำมะนาว ทาเป็นยาบำรุงผิวหน้า ลบรอยเหี่ยวย่นบนหน้า ใช้เป็นยาขับปัสสาวะได้เพราะในหัวมีปริมาณเกลือโปแตสเซี่ยมสูง ใช้เป็นยาขับพยาธิไส้เดือน

ในปี พ.ศ. 2510 สภาบันมะเร็งแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา พบว่าวิตามินเอที่ได้จากสัตว์ สามารถระงับมะเร็งในทางเดินหายใจในหนูทดลองได้ ในขณะนั้นยังไม่มีงานวิจัยว่าวิตามินเอของสัตว์และพืชชนิดใดให้ผลดีกว่ากัน เราได้รับวิตามินเอจากผักสีเขียว และพืชสีส้มเป็นหลักวิตามินเอที่ได้รับจากพืชคือ สารเบต้าแคโรทีน ซึ่งจะถูกเปลี่ยนเป็นวิตามินเองเมื่อเข้าไปอยู่ในร่างกายมนุษย์


ปี พ.ศ. 2524 ริชาร์ด ปีโต และคณะได้เขียนบทความลงในนิตยสารเนเจอร์ ว่าสารเบต้าแคโรทีน สามารถออกฤทธิ์ยับยั้งมะเร็งได้ ซึ่ง ดร. ริชาร์ด เชเคลล์ นักระบาดวิทยา มหาวิทยาลัยเท็กซัส ก็สนับสนุนความน่าเชื่อถือของข้อมูลนี้

นั้นหมายถึงว่าอาหารที่มีสารเบต้าแคโรทีน สามารถลดอุบัติการณ์โรคมะเร็งในปอดได้ แม้แต่ในผู้ที่สูบบุหรี่มาหลายปีแล้วก็ตาม นอกจากนี้ยังพบว่า คนที่ทานพืชผักที่มีแคโรทีนน้อยที่สุด จะเสี่ยงต่อมะเร็งในปอดเป็นเจ็ดเท่าของคนที่ทานมากที่สุด ในกลุ่มเบต้าแคโรทีนสามารถป้องกัน และยับยั้งมะเร็งในระยะต่างๆ ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากให้กินเบต้าแคโรทีนขนาดสูง พร้อมกับฉายรังสี

"แครอท" นอกจากจะมีสาร "เบต้าแคโรทีน" ที่มีอำนาจยับยั้งเซลล์ของมะเร็งต่อต้านการเกิดเซลล์มะเร็งได้เป็นอย่างดีและช่วยให้ตับขับสารพิษออกจากร่างกายแล้ว ยังมีแคลเซียมเพคเตท ช่วยลดระดับคลอเลสเตอรอล ลดการเกิดโรคหัวใจและภาวะหัวใจล้มเหลว ช่วยบำรุงเซลล์ผิวหนังและเส้นผมให้มีสุขภาพดี มีวิตามินเอสูง ช่วยลดการเสื่อมของตา เช่น ต้อกระจกมีสารต่างๆ ที่เป็นทั้งเกลือแร่และวิตามินอีกมากมาย เช่นธาตุแคลเซียม มีฟอสฟอรัส เหล็ก มีวิตามินเอ บี1 บี2 และวิตมินซี ดังนั้นสามารถที่จะทานบ่อยๆ ได้ แต่อาจทำให้มีผิวเหลืองจากสารเบต้าแคโรทีนได้

เคล็ดลับของการรับประทานแครอทให้ได้คุณค่า

เคล็ดลับของการรับประทานแครอทให้ได้คุณค่านั้นมีอยู่ว่า ควรนำไปปรุงให้สุกเสียก่อน ความร้อนจะช่วยทำลายผนังเซลล์ของแครอท ทำให้ร่างกายนำเลต้าแคโรทีนไปใช้ในการต่อต้านอนุมูลอิสระได้มากขึ้น เซลล์ผิวแข็งแรงขึ้น ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งผิวหนัง และหากนำแครอทนึ่งสุกบดละเอียด พอกหน้า 5-10 นาที ผิวจะดูเปล่งปลั่งและสุขภาพดีขึ้นได้ ชาวอเมริกันใช้แครอทเป็นพืชสมุนไพรพื้นบ้าน ใช้เป็นยาครอบจักรวาลรักษาได้หลายโรค เช่น แก้โรคประสาท โรคผิวหนัง และหืดหอบ อย่างไรก็ตามควรทานอาหารให้หลากหลายด้วย จะช่วยเพิ่มพูนประโยชน์จากอาหารให้มากขึ้น

ประโยชน์ของแครอท

สารเบต้าแคโรทีนที่ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งเซลล์ของมะเร็ง ต่อต้านการเกิดเซลล์มะเร็งได้เป็นอย่างดี โดยจะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งในปอดได้ ซึ่งคนที่กินผักที่มีเบต้าแคโรทีนน้อยที่สุด จะเสี่ยงต่อมะเร็งในปอดมากเป็นเจ็ดเท่าของคนที่กินมากที่สุด นอกจากนั้นแล้วก็ยังช่วยให้ตับขับสารพิษออกจากร่างกายได้ดี
และยังมีแคลเซียมเพคเตทที่ช่วยลดระดับคลอเลสเตอรอล ลดการเกิดโรคหัวใจและภาวะหัวใจล้มเหลว นอกจากนั้นในแครอทยังมีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงและลดการเสื่อมของตา มีสารต่างๆ ที่เป็นทั้งเกลือแร่และวิตามินอีกมากมาย เช่นธาตุแคลเซียม มีฟอสฟอรัส เหล็ก มีวิตามินเอ บี1 บี2 และวิตามินซี อีกทั้งยังช่วยบำรุงเซลล์ผิวหนังและเส้นผมให้มีสุขภาพดีอีกด้วย

2553/05/13

*เกลือ

คุณสมบัติของเกลือนอกจากจะนำมาใช้ในการปรุงรสอาหารใช้ถนอมอาหารให้เก็บไว้ได้นานยิ่งขึ้น หรือใช้อมเพื่อรักษาอาการเหงือกบวมแล้ว เกลือยังสามารถช่วย

รักษาความงามได้อีกด้วย ฮั่นแน่! ไม่ต้องทำหน้าสงสัย เพราะวันนี้เรามาไขเคล็ดลับกันว่าเกลือรักษาความงามได้อย่างไรบ้าง


1.เกลือช่วยลดความมันบนใบหน้า

ใช้เกลือ 1 ช้อนชาผสมน้ำ แล้วนำไปใส่ขวดสเปรย์ฉีดพ่นให้ทั่วใบหน้า แต่ก่อนฉีดควรเปิดรูขุมขนให้กว้างเสียก่อน โดยนำผ้าขนหนูชุบน้ำร้อนพอหมาดมาอังปิดหน้าไว้ประมาณ 3-5 นาที แล้วจึงค่อยฉีดสเปรย์น้ำเกลือให้ทั่วใบหน้า จากนั้นก็ใช้ผ้าขนหนูเช็ดให้แห้ง


2.เกลือช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นและช่วยถนอมผิว

ใช้เกลือครึ่งถ้วยผสมลงในอ่างน้ำ แล้วใช้แช่ตัวประมาณ 15-20 นาที จากนั้นเช็ดตัวให้แห้ง หรืออาจจะใช้เกลือถูตัวก็ได้ โดยใช้ฟองน้ำหรือผ้าขนหนูขัดตัวหลังอาบน้ำขณะที่ตัวยังเปียกอยู่ จะช่วยให้เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วหลุดออกมาได้


3.เกลือช่วยลดรอยช้ำรอบดวงตา

นอกจากเราจะใช้ถุงชาในการลดรอยช้ำรอบดวงตาแล้ว เรายังสมารถใช้เกลือได้อีกด้วย โดยผสมเกลือ 1 ช้อนชา ลงในน้ำร้อนครึ่งถ้วย แล้วใช้ผ้าหรือสำลีชุบน้ำเกลือปิดตาไว้สัก 5-10 นาที รอยช้ำก็จะค่อยๆ จางลง


4.เกลือช่วยผ่อนคลายอาการเมื่อยล้าที่เท้า

ด้วยการผสมเกลือประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะลงในน้ำอุ่นที่จะใช้แช่เท้าทั้งสองข้างวิธีนี้จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายความเมื่อยล้าขอ
งเท้าลงได้ หลังจากที่ต้องเดินมาเป็นเวลานาน

2553/05/08

ความทุกข์สร้างสิ่งมหัศจรรย์ให้ชีวิต

ครหลายคนชอบคิดไปไกลในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง...
สิ่งที่ยังไม่เกิด ...ความคิดนี่แหละ...
ที่บั่นทอนพละกำลังส่วนหนึ่งของความสุข
ที่ควรจะเกิด ควรจะมี ให้ลดน้อยลงไป...
บางขณะ ...เราน่าจะทำชีวิตให้ดีกว่านั้นได้ง่ายๆ
แต่เพราะ ความคิด ความกังวล
ทำให้สิ่งที่น่าจะง่าย กลายเป็นสิ่งยุ่งยาก
ถ้าความ คิดบางอย่าง ยิ่งคิด ยิ่งเศร้า ยิ่งทำให้กังวล
ยิ่งไม่มีความสุข ยิ่งหวาด กลัววันข้างหน้า ก็อย่าไปคิดมันเลย...
แค่ทำวันนี้ให้มีความสุข ทำให้ดีที่สุด กับเวลานี้ที่มีโอกาสนี้...
บางที ใครจะรู้ว่า อะไรๆที่ไปกังวลนั้น อาจจะมา ไม่ถึงก็ได้..
ชีวิตอาจไม่ยาวนานถึงขนาดนั้น

ไม่มีใครรู้ว่าพรุ่งนี้ จะตื่นหรือเปล่า...
อย่ากังวลกับอะไรที่ยังมาไม่ถึง...
มองวันนี้ ...ทำวันนี้ ...มีความสุขกับทุกวินาทีนี้ .....
ที่ยังหายใจอยู่ดีกว่า ...เวลามีพอเสมอ ...สำหรับความสุข ...
ความทุกข์สร้างสิ่งมหัศจรรย์ ชีวิตที่พบความทุกข์ เป็นชีวิตที่แท้...
ไม่มีความทุกข์...ก็ไม่มีการเติบโต
ความทุกข์เป็นพลังขับเคลื่อนให้หลายอย่างเกิด...
ไม่มีใครไม่มีความทุกข์ ...เพราะนั่นคือการเป็นชีวิต...
ความทุกข์สอนให้แต่ละคนเข้มแข็งในแง่มุมต่างๆ
ถ้าความทุกข์ไม่เข้ามาหา ...ก็จะไม่รู้ว่า ความสุขที่แท้เป็นอย่างไร ...
ไม่มีความทุกข์...ก็ไม่รู้จักความสุข...
เพราะความทุกข์พิสูจน์ความเป็นคน อ่อนแอ หรือเข้มแข็ง
ความทุกข์เป็นสิ่งท้าทายความสามารถ...
ต่างจากความสุข...ที่ทำให้ อ่อนแอ มองโลกง่ายๆ แคบๆ
ความสุขเหมือนฝนพรำสาย...
อ่อนโยน งดงาม บางเบา แต่ว่างเปล่า ไม่มีการเรียนรู้ใดในความสุข...
เมื่อใดที่มีความทุกข์ ควรยิ้มรับ และคิดว่าโชคดีที่ได้เจอความทุกข์
ได้เรียนรู้การแก้ปัญหา...ได้สงบ...ได้สติ...ได้ความนิ่ง...ได้รู้จักโลก...
รู้จักตัวเอง...
รู้จักการเติบโตทุก ๆ ก้าว
ให้กำลังใจตัวเองมาก ๆ บอกตัวเองว่า
โชคดีที่วันนี้มีความทุกข์
เพราะเมื่อผ่านความทุกข์...ความสุขก็จะรออยู่เบื้องหน้า...
จงใช้ความทุกข์สร้างสิ่งมหัศจรรย์ให้กับชีวิต...