2552/08/30

ดัดฟันแฟชั่น อันตรายถึงชีวิต!

แม้สาเหตุการเสียชีวิตของนักเรียนหญิงชั้น ม.5 จ.ขอนแก่น จะเกี่ยวข้องกับการจัด หรือดัดฟันแฟชั่นหรือไม่ก็ตาม อย่างน้อยก็เป็นอุทาหรณ์ให้กับวัยรุ่นทั้งหลายได้ตระหนักถึงอันตรายของความสวยงาม โก้เก๋ ที่อาจต้องแลกด้วยชีวิต

ทพ.ดร.ธงชัย วชิรโรจน์ไพศาล หัวหน้าภาควิชาทันตกรรมชุมชน คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ปกติการจัดฟันจะเป็นการแก้ไขความผิดปกติของการเรียงตัวของฟัน เช่น ฟันซ้อนเก ฟันห่าง ฟันยื่น ฟันบนล่างไม่สบกัน ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการบดเคี้ยวอาหาร สุขภาพของฟัน รวมทั้งเนื้อเยื่อรอบ ๆ ฟัน และยังช่วยปรับ ให้รูปลักษณะใบหน้า และการยิ้มดูดีขึ้น ผู้ให้การรักษาจะต้องเป็นทันตแพทย์เท่านั้น

การจัดฟันแฟชั่น ไม่ใช่การรักษาทางทันตกรรม แต่เป็นการพยายามใส่เครื่องมือที่เลียนแบบการจัดฟันแบบติดแน่นที่ทันตแพทย์ใช้ในการรักษาผู้ป่วย มีจุดประสงค์เพื่อความสวยงาม โก้เก๋ ทันสมัย ผู้ที่ให้บริการไม่ใช่ทันตแพทย์ ทำให้เกิดผลเสียต่าง ๆ ตามมา

ในปัจจุบันจัดฟันแฟชั่น อาจแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ
-ลวดร้อยลูกปัด เป็นการใช้ลวดเส้นเล็ก ๆ ร้อยลูกปัดสีต่าง ๆ มีวางจำหน่ายในตลาดนัดและแหล่งชุมชนต่าง ๆ ราคาเส้นละ 50-120 บาท เด็กและวัยรุ่นนิยมซื้อมาใส่เอง

-จัดฟันแฟชั่นแบบติดแน่น เป็นการเลียนแบบการจัดฟันของทันตแพทย์ให้เหมือนมากขึ้น โดยจะมีการติดเครื่องมือ “แบ๊กเกต” เป็นโลหะรูปสี่เหลี่ยมที่มีร่องใส่ลวดจัดฟันและมีส่วนยื่นออกมาสำหรับคล้องยาง ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 800-1,200 บาท สามารถเลือกสีของยาง รูปร่างของยาง เช่น รูป ดอกไม้ มิกกี้เม้าส์

-จัดฟันแฟชั่นแบบถอดได้ เป็นการใช้เครื่องมือคงสภาพฟัน หรือ “รีเทนเนอร์” ที่เหมือนกับทันตแพทย์ใช้ มีลักษณะเป็นแผ่น พลาสติกปิดอยู่ที่เพดาน หรือข้างลิ้น มีลวดคอยบังคับฟันให้อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ มีการดัดแปลง เพิ่มแบ๊กเกตให้ติดอยู่บนลวด ขั้นตอนการทำจะต้องมีการพิมพ์ฟัน ค่าใช้จ่ายประมาณ 800-1,300 บาทต่อชิ้น สามารถเลือกสี ลายของแผ่น พลาสติก และลวดได้

อันตรายของการจัดฟันแฟชั่น มีดังนี้
-อันตรายจากขั้นตอนการทำ เครื่องมือที่ใช้ เช่น ถาดพิมพ์ฟันใช้แล้วไม่ได้ล้าง หรือล้างแต่ไม่ได้ฆ่าเชื้อ ทำให้มีโอกาสที่จะได้รับเชื้อโรคที่มาจากน้ำลายของผู้ใช้บริการคนก่อน ผู้ทำไม่ได้สวมถุงมือ อาจติดโรคต่าง ๆ เช่น ไวรัสตับอักเสบบี วัณโรค ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ คอตีบ โปลิโอ

-อันตรายจากวัสดุ ลวดจัดฟันแฟชั่นที่ใช้คุณ ภาพต่ำ มีสารปนเปื้อนที่เป็นโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว พลวง ซิลิเนียม โครเมียม และสารหนู หากสะสมในร่างกายมาก ๆ จะเป็นอันตรายต่อไต ทำให้เนื้อเยื่อต่าง ๆ ของเซลล์ตาย อาจทำให้เกิดมะเร็งได้ การใช้ลวดที่เป็นสี เมื่อใส่ไว้ในปากสักระยะหนึ่ง มีการสัมผัสอาหาร ของเย็น ของร้อน แล้วสีจางลง ส่วนประกอบของสีจะเข้าสู่ร่างกาย ผ่านเข้ากระเพาะอาหาร และดูดซึมไปสะสมไว้ในร่างกาย เป็นการสะสมสารพิษไว้ในร่างกาย

-อันตรายต่อฟันและเนื้อเยื่อในช่องปาก ในขั้นตอนการทำ จะมีการใช้หัวกรอ กรอเอาเคลือบฟันที่ดีออกไป รวมทั้งใช้กรดกัดฟัน ซึ่งจะทำให้เคลื่อนฟันบางลง ทำให้ความแข็งแรงของฟันลดลง ทำให้เสียวฟันได้ง่าย

การปรับแต่งลวดโดยผู้ที่ไม่มีความรู้จะทำให้เกิดแรงกดไปที่ตัวฟัน และฟันเคลื่อนไปจากเดิม ทำให้มีอาการปวดฟันมากอาจทำให้ฟันซี่นั้นกลายเป็นฟันตาย รากฟันละลาย อาจจะต้องถอนฟันซี่นั้นทิ้งไป เครื่องมืออาจหลุดลงคอ หรือ หลอดลม ทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิต นอกจากนี้การใส่เครื่องมือจัดฟันแฟชั่นมักทำให้เกิดการบาดกระพุ้งแก้ม หรือเนื้อเยื่อในช่องปากกลาย เป็นแผล เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเนื้อเยื่อในช่องปาก อีกทั้งเครื่องมือที่ใส่ในปาก จะขัดขวางการแปรงฟันและทำความสะอาดฟัน อาจทำให้ฟันผุ เหงือกอักเสบ บวมแดง มีกลิ่นปาก

ท้ายนี้ขอเตือนวัยรุ่นทั้งหลายว่า หากฟันไม่ได้มีปัญหาก็ไม่ควรไปจัดหรือดัดฟันแฟชั่น เพราะนอกจากจะเสียเงินโดยใช่เหตุแล้ว อาจได้รับอันตรายจากวัสดุจัดฟันที่ไม่ได้มาตรฐาน ถึงขั้นเสียชีวิตได้

2552/08/28

สับปะรดลดหวัด เพื่อสุขภาพ

สับปะรด เป็นผลไม้อมหวานอมเปรี้ยว ที่สามารถนำไปทำอาหารทั้งคาว และหวานได้อร่อยหลายชนิด และให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ ร่างกายมากมายโดยที่คุณอาจไม่รู้

หากเรากินสับปะรด หลังอาหาร เราจะรู้สึกเบาสบายท้องและไม่อึดอัด เพราะสับปะรดมีความสามารถในการช่วยย่อย โดยเฉพาะในสารอาหารโปรตีน เราจึงเห็นคนส่วนใหญ่ใช้สับปะรดในการหมักเนื้อสัตว์ต่างๆ ให้นุ่มขึ้น รวมถึงสับปะรดอุดมไปด้วยวิตามินซีสูงจึงช่วยเสริมสุขภาพ และภูมิต้านทานโรคได้ดีขึ้น

กินสับปะรดบ่อยๆ ทำให้สุขภาพดี ไม่ค่อยเป็นหวัด และในสับปะรดยังมีโพแทสเซียมสูงที่ช่วยป้องกันการเป็นตะคริวและลดความดันได้

นอกจากนี้สับปะรดยังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบได้เป็นอย่างดี ส่วนปริมาณที่เหมาะสมของสับปะรด ในการบริโภคก็คือ 100 กรัมต่อวัน และควรกินสับปะรดสดๆ โดยไม่ผ่านการประกอบอาหารที่ใช้ความร้อนเพื่อป้องกันการสูญเสียวิตามินต่างๆ ไป เพื่อสุขภาพ ที่ดีของคุณ

2552/08/27

ควบคุมน้ำหนัก! เลือกเวลาในการทาน


การเลือกเวลาในการรับประทานอาหารนั้นมีส่วนช่วยในการควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างมากเลย เพราะในแต่ละช่วงเวลานั้นก็มีความเหมาะสมที่แตกต่างกัน เรามาดูกันว่าเป็นอย่างไรบ้าง...

05.00 - 07.00 น. ควรดื่มน้ำอุ่น 2 แก้ว เพื่อช่วยในการขับถ่าย

07.00 - 09.00 น. ควรทานอาหารเช้า เพราะเป็นช่วงของกระเพาะอาหาร ถ้ากินได้ทุกวันกระเพาะอาหารจะแข็งแรง ที่สำคัญคือหน้าไม่แก่เร็วด้วย

09.00 - 11.00 น. ถ้าไม่ทานอาหารหรือขนมช่วงนี้จะดีมาก เพราะอาหารและน้ำจะแปรสภาพเป็นไขมัน

13.00 - 15.00 น. ลำไส้เล็กจะทำงานหนัก ควรงดอาหารทุกประเภท

15.00 - 17.00 น. เวลานี้เหมาะสำหรับการออกกำลังกายเป็นอย่างยิ่ง ควรทำตัวให้เหงื่อออก กระเพาะปัสสาวะจะได้แข็งแรง

23.00 - 01.00 น. เป็นช่วงเวลาของถุงน้ำดี ควรงดอาหารและดื่มน้ำก่อนเข้านอน

รับรองว่าหากคุณวางตารางเวลาในการรับประทานอาหารดังที่เรานำเสนอนี้ คุณก็จะสามารถควบคุมน้ำหนักได้ อย่างเห็นผล

2552/08/26

แก้ปัญหาเส้นผม ด้วยอาหาร



แก้ปัญหาเส้นผม ด้วยอาหาร !!!
ตัวการร้ายทำลายผมสวยๆ ของเรานอกจากมลภาวะที่ส่งผลมาจากภายนอกแล้ว สุขภาพภายในที่เกี่ยวเนื่องมาจากสารอาหารที่รับประทานเข้าไป ก็มีผลโดยตรงทีเดียว เพราะฉะนั้นถ้าคุณอยากมีผมสวยเงางาม สำรวจอาหารและความต้องการสารอาหารของเส้นผมของคุณด้วยค่ะ



ศีรษะแห้งและมีรังแค

อาจเพราะขาดธาตุสังกะสี ซึ่งมีมากในอาหาร เช่น หอยนางรม เนื้อแดง เมล็ดฟักทอง กรดไขมันจากน้ำมันพืชทุกชนิด ปลาที่มีไขมันมาก เช่น ปลาสวาย ปลาช่อน ปลาซาร์ดีน ปลาซัลมอน และถั่วเมล็ดแห้ง



ผมร่วง

อาจเกิดจากการขาดวิตามินเอ ที่มีมากในข้าวกล้อง ปลาที่มีไขมันมาก ถั่ว ไข่ นม โยเกิร์ต



ผมกระด้าง

อาจเกิดจากการขาดวิตามินบี ที่มีมากในอาหาร เช่น ไข่ ผลิตภัณฑ์จากนม



ผมเปราะแตกหักง่าย

อาจเกิดจากการขาดธาตุเหล็ก ซึ่งมีมากในเมล็ดงา ปลาซาร์ดีน ปลาทูน่า เนื้อวัว ตับ แอพริคอตแห้ง



ผมเสียมาก

อาจเกิดจากการขาดธาตุทองแดงและสังกะสี ซึ่งทองแดงพบมาก ในตับวัว หอยนางรม ปลาซาร์ดีน ปู กุ้งมังกร เห็ด ถั่วลิสง ลูกพรุน ส่วนสังกะสีพบมากในหอยนางรม เนื้อซี่โครงหมู ปลาซาร์ดีน จมูกข้าวสาลี



อาหารที่ช่วยบำรุงเส้นผมโดยรวม


หาได้จากไข่ และผลิตภัณฑ์จากนม ผักใบเขียวเข้ม ฟักทอง แครอท และผักอื่นๆ ที่อุดมด้วยเบต้าแคโรทีน ปลาที่มีไขมันมาก อาหารทะเล เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ข้าวกล้อง ถั่วเมล็ดแห้ง ถั่วเปลือกแข็ง ผลไม้สดทุกชนิดที่อุดมด้วยวิตามินซี และที่ขาดไม่ได้คือ การดื่มน้ำเปล่าให้ได้อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร (6-8 แก้ว) แล้วผมคุณจะสวยจนคนตะลึง

2552/08/25

โทษของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป

ใครที่ชอบทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นประจำ ทราบหรือไม่ว่า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมีโทษต่อร่างกายอย่างไรบ้าง ?

ส่วนประกอบของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปส่วนใหญ่เป็นแป้งสาลีถึง 60-70% ส่วน 15-20% เป็นไขมัน (อยู่ในเครื่องปรุง) ที่เหลืออีก 5-6% เป็นเกลือและผงชูรสล้วน ๆ เพราะฉะนั้นถ้าทานบะหมี่สำเร็จรูปมากกว่า 1 ซองต่อวัน ร่างกายก็จะได้รับปริมาณโซเดียมเกินความต้องการถึง 50-100% ซึ่งเป็นอันตรายต่อไต และยังจะทำให้ความดันโลหิตสูงอีกด้วย

ต่อไปนี้ถ้าอยากจะทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็ควรจะทำตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณะสุข

- ใส่ไข่ ผัก หรือเนื้อสัตว์ลงไปด้วย เพื่อเพิ่มสารอาหารและป้องกันไม่ให้ร่างกายได้รับโซเดียมมากเกินไป

- ควรเลือกซื้อบะหมี่สำเร็จรูปที่เขียนว่า เพิ่มสารไอโอดีน ธาตุเหล็ก และวิตามินเอ ไว้หน้าซอง

- ไม่ควรทานบะหมี่สำเร็จรูปดิบ ๆ เพราะเส้นบะหมี่จะไปพองตัวในกระเพาะ อาจทำให้ท้องอืดได้

- ที่สำคัญที่สุดคือไม่ควรทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากกว่าวันละ 1 ซอง เพื่อป้องกันโรคที่เกิดกับไต และโรคความดันโลหิต

รู้อย่างนี้แล้ว ก็อย่าทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเกินวันละ 1 ซอง เพื่อสุขภาพที่ดี

2552/08/24

ข.ไข่ น่ารักดี

หลากหลายใบหน้า มองยังงัยก็เป็นไข่...














2552/08/22

ผลร้ายของการ นอนน้อย


เรื่องกิน เรื่องนอน ล้วนเป็นเรื่องสำคัญต่อสุขภาพ แต่เป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่ "มองข้าม" กัน อย่างที่สหรัฐอเมริกา ก็มีผลสำรวจพบว่า นักศึกษาส่วนใหญ่นอนหลับไม่ถึง 8 ชั่วโมง โดยหารู้ไม่ว่า สามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพกาย และสุขภาพจิตได้ และมีหลายคนที่หันไปพึ่งเหล้าและยาเสพติด เพื่อช่วยให้นอนหลับ

"นักเรียน นักศึกษา ต่างประเมินค่าความสำคัญของการนอนในชีวิตประจำวันของคนเราต่ำไป และไม่เชื่อว่ามันสามารถทำลายสุขภาพ และสุขภาพจิตได้" ร็อกแซน พริชาร์ด ผู้ช่วยศาสตราจารย์สาขาจิตวิทยา มหาวิทยาลัยเซนต์ โธมัส ในรัฐมินเนโซตา เขียนไว้ในวารสารสุขภาพวัยรุ่น

ร็อกแซนได้พูดถึง การอดนอนว่า สามารถส่งผลเสียต่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย แล้วยังระบบการทำงานของหัวใจ ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคต่างๆ รวมทั้ง ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้ด้วย!!

ทั้งนี้ จากการสำรวจ ในนักศึกษาราว 1,125 รายพบว่า มีคนที่นอนหลับครบ 8 ชั่วโมง ไม่ถึง 1 ใน 3 ขณะที่ 68% บอกว่า ความวิตกกังวลเรื่องการเรียน และเรื่องต่างๆ ในชีวิต ทำให้เขานอนไม่หลับ โดยมีอยู่ 1 ใน 5 ที่บอกว่า มีอาการดังกล่าวอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง

ในผลสำรวจ ยังบอกด้วยว่า มีนักศึกษาถึง 3 ใน 5 ที่นอนไม่เป็นเวลา และมีจำนวนมากที่บอกว่า เคยใช้เหล้าและยาเสพติด เป็นเครื่องช่วยให้นอนหลับ ซึ่งร็อกแซน บอกว่า การใช้เหล้าและสารเสพติดบ่อยๆ หรือเป็นประจำ ก็เท่ากับเป็นการเพิ่มโอกาสที่จะเสพติดสารเหล่านั้นได้

2552/08/20

ช็อกโกแลตที่กินแล้วไม่อ้วน!

นี่คือ ช๊อกโกแลตที่กินแล้วไม่อ้วน !


นี่คือโฉมหน้าของช็อกโกแลตรุ่นใหม่ ที่ไม่ละลายง่ายๆ ต้องอุณหภูมิสูงถึง 55 องศาเท่านั้น แถมให้แคลอรีต่ำด้วย กินแล้วไม่อ้วน ผลิตโดยบริษัทแบรี่ กัลเลอโบต์ จำกัด ผู้ผลิตช็อแโกแลตรายใหญ่ของสวิส เจ้าของโรงงานช็อคโกแลตที่ใหญ่ที่สุดในโลก จำหน่ายที่ ร้านในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม

2552/08/19

10 นวัตกรรมออกแบบ แปลกใหม่-ไฮเทคแห่งปี "52

ผลตัดสินรางวัลการออกแบบผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมนานาชาติ หรือรางวัล "IDEA" ประจำปี พ.ศ.2552 ได้ฤกษ์ประกาศรายชื่อผู้ชนะสาขาต่างๆ ออกมาแล้ว

รางวัลนี้สนับสนุนโดยนิตยสารธุรกิจชั้นนำ "บิสสิเนสวีก" และสมาคมนักออกแบบอุตสาหกรรมแห่งสหรัฐอเมริกา (IDSA) มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างและมอบรางวัลเพื่อเป็นเกียรติแก่บุคคล กลุ่มบุคคล รวมถึงองค์กรที่มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมการออกแบบใหม่ๆ ซึ่งสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจของประชากรทั่วโลก

สำหรับผู้ชนะที่น่าสนใจและมีความโดดเด่นในสาขาต่างๆ ประจำปี 2552 บางส่วนประกอบด้วยผลงานดังต่อไปนี้

1.คู่มือทำอาหารดิจิตอล (Teaser)
ผู้ออกแบบ : สก๊อต ชิม มหาวิทยาลัยรัฐโอไฮโอ และคาลวิน เฉิน มหาวิทยาลัยเพอร์ดู สหรัฐอเมริกา
ทีเซอร์ (Teaser) เป็นต้นแบบคู่มือปรุงอาหารยุคดิจิตอลที่นอกจากจะบรรจุข้อมูลเกี่ยวกับสูตรอาหารต่างๆ เอาไว้ในหน่วยความจำแล้วก็ยังมีระบบ "ผลิตรสชาติ" ของเมนูที่ต้องการปรุงออกมาได้ด้วย!
ภายในตัวเครื่องติดตั้ง "ตลับเก็บรสชาติ" เอาไว้ 18 ตัวอย่าง
สามารถสั่งให้เครื่องนำมาผสมกัน พร้อมกับจัดพิมพ์ลงบนกระดาษตัวอย่างเพื่อให้ลองชิมดูว่าถูกใจหรือไม่ ถ้าถูกลิ้นก็ลงมือปรุงจริงๆ ได้เลย แต่ถ้าไม่โดนใจก็ประยุกต์สูตรได้ตามสะดวก

2.เครื่องสร้างอักษรเบรล (Haptic Reader)
ผู้ออกแบบ : เดวิด ลี และยูนา คิม มหาวิทยาลัยฮันดองโกลบอล และฮันซุก ลี มหาวิทยาลัยไคเมียง เกาหลีใต้
Haptic Reader ทำหน้าที่เป็นเครื่องสแกนตัวอักษรบนหน้าหนังสือ จากนั้นประมวลผลออกมาเป็นตัวอักษรเบรล ช่วยให้ผู้พิการทางสายตามีโอกาสเข้าถึงคลังความรู้ในโลกหนังสือมากขึ้น
วิธีการใช้งาน นำตัวเครื่องวางทับหน้าหนังสือที่ต้องการ เมื่อระบบสแกนเสร็จแล้ว พื้นผิวหน้าจอส่วนบน จะมีปุ่มนูนขึ้นมาแปรสภาพเป็นอักขระเบรล
นอกจากนั้น ยังมีระบบแปลงตัวอักษรที่สแกนเข้ามาเป็น "คำพูด" อีกด้วย

3.โน้ตบุ๊กเจาะกลุ่มผู้หญิง (Shell Laptop Concept)
ผู้ออกแบบ : จอช มารัสกา และแทน ทูลิส สหรัฐอเมริกา
ต้นแบบโน้ตบุ๊ก รุ่น "Shell Laptop" พัฒนาโดยทีมงานของบริษัทไมโครซอฟท์ ยักษ์ใหญ่ธุรกิจโปรแกรมคอมพิวเตอร์เบอร์ 1 ของโลก
แนวคิดหลักต้องการทลายกรอบการออกแบบ โน้ตบุ๊กเดิมๆ
มุ่งจับลูกค้ากลุ่ม "ผู้หญิง" ยุคใหม่ อายุระหว่าง 23-28 ปี นำวัสดุที่ดูแล้วมีความนุ่มนวล น่าสัมผัส เช่น ไม้และเซรามิกมาผสานเข้ากับลวดลายเรืองแสง มองแล้วน่าดึงดูดใจให้ใช้งาน

4.คอนแท็กต์เลนส์กันแดด (Contact Shades)
ผู้ออกแบบ : จิน ยองอุน, จุน เกียวลี, ยัง โฮลี สังกัดกลุ่มโคเรีย ดีไซน์ เมมเบอร์ชิพ ประเทศเกาหลีใต้
"แว่นตากันแดด" มีมาตั้งหลายปี ล่าสุด กลุ่มนักออกแบบแดนโสมจึงคิดค้น "คอนแท็กต์เลนส์" ที่มีคุณสมบัติกันแดดและรังสีอัลตราไวโอเลตขึ้นมาบ้าง
คอนแท็กต์เลนส์กันแดดที่ว่านี้มี 4 รุ่นด้วยกัน เหมาะกับสภาพอากาศ 4 ลักษณะ และมุ่งจับลูกค้ากลุ่มที่ชอบเล่นกีฬากลางแจ้ง

5.แผนที่หลากมุมมอง (Panamap)
ผู้ออกแบบ : เอียน ไวต์ บริษัท เออร์บัน แม็ปปิ้ง อิงก์ สหรัฐอเมริกา
แผนที่มาตรฐานทั่วไปทุกวันนี้ถูกระบบบอกพิกัดผ่านดาวเทียม (จีพีเอส) รวมถึงโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนชนิดมีแผนที่ในตัวแย่งหน้าที่ไปเยอะ จนใกล้กลายเป็นของตกยุค
แต่บ.เออร์บัน แม็ปปิ้ง ยังคงศรัทธาในแผนที่ เพียงแต่นำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในการสร้างแผนที่ไฮเทค รุ่น "Panamap" (พานาแม็ป)
เมื่อกางและขยับเปลี่ยนมุมมองแผนที่แต่ละครั้ง จะมองเห็นข้อมูลอื่นปรากฏขึ้นมาสลับกันไป อาทิ ถนนหนทาง เส้นทางเดินรถระบบขนส่งมวลชน และแนะนำย่านสำคัญๆ ในแต่ละเมือง

6.เลนจักรยานส่วนตัว (Light Lane)
ผู้ออกแบบ : เอวาน แกนต์ จากสมาคมนักออกแบบอุตสาหกรรมแห่งอเมริกา และอเล็กซ์ ที จากบริษัท อัลติจูด อิงก์ สหรัฐอเมริกา
กระแสรณรงค์ให้คนในสังคมเมืองหันมาขี่จักรยานเพื่อช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมคนละไม้คนละมือไม่ค่อยได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร หนึ่งในสาเหตุหลักเพราะไม่มีการสร้าง "เลนจักรยาน" เอาไว้ให้ประชาชนขี่จักรยานด้วยความปลอดภัย
เมื่อหวังพึ่งทางการไม่ค่อยได้ คู่หูเอวาน กับอเล็กซ์ จึงออกแบบ "ไฟส่องเลนจักรยาน" ขนาดพกพาสำหรับติดท้ายจักรยาน คอยทำหน้าที่ยิงลำแสงเลเซอร์ออกไปเป็นรูป "เลนจักรยาน" เพื่อขอทางปั่นจักรยานและเตือนให้รถยนต์ที่ขับตามมาข้างหลังได้มองเห็นชัดๆ โดยเฉพาะยามค่ำคืน

7.โคมไฟรีไซเคิล (The Energy Seed)
ผู้ออกแบบ : ปาร์ก ซังวู มหาวิทยาลัยกุ๊กมิน และคิม ซุนฮี มหาวิทยาลัยชุนอา เกาหลีใต้
เป้าหมายการประดิษฐ์โคมไฟรูปร่างเลียนแบบ "ดอกไม้" แสนสวยงามชิ้นนี้ เพื่อกระตุ้นให้มนุษย์ตระหนักถึงพิษภัยของการทิ้ง "ขยะพิษอิเล็กทรอนิกส์" ไม่เป็นที่เป็นทาง เช่น ถ่านและแบตเตอรี่ ซึ่งนับวันยิ่งส่งผลเสียต่อสภาพแวดล้อมอย่างรุนแรง
การใช้งานโคมไฟ "Energy Seed" ต้องทิ้งถ่านหรือแบตเตอรี่เก่าลงไปในช่องที่จัดเตรียมไว้ให้ ขั้นต่อไประบบจะ "รีด" พลังงานที่ยังพอตกค้างอยู่ในแบตเตอรี่ออกมาใช้จนหมดเกลี้ยง
เมื่อทิ้งแบตเตอรี่เก่าๆ ลงไปมากเท่าไหร่ หลอดไฟแอลอีดีในดอกไม้จะสว่างจ้ามากขึ้นเท่านั้น เหมือนเราค่อยๆ ปลูกประคบประหงมเมล็ดพันธุ์พืชจนเติบใหญ่

8."เมาส์"สุดจ๊าบ (Arc Notebook Mouse)
ผู้ออกแบบ : นักออกแบบผลิตภัณฑ์ไอทีประจำบริษัทวัน แอนด์ โค, ไมโครซอฟท์ และแคดเบส โซลูชั่น สหรัฐอเมริกา
ใครเห็นรูปโฉมเมาส์คอมพิวเตอร์ "Arc Notebook Mouse" รุ่นนี้ของบริษัทไมโครซอฟท์คงต้องยอมรับว่าจ๊าบจริงๆ
ได้รับการออกแบบให้ใช้กับโน้ตบุ๊กโดยเฉพาะ รูปทรงโค้งมน หยิบจับใช้งานคล่องตัว
มีขนาดเล็กกว่าเมาส์ทั่วไปของคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะราวกึ่งหนึ่ง แต่สามารถกางออกมาให้กลายเป็นเมาส์ขนาดใหญ่ได้ด้วย

9.ชุดตรวจเชื้อเอดส์ที่บ้าน (Project Masiluleke Home HIV Test Kit)
ผู้ออกแบบ : บริษัท ฟร็อกดีไซน์ สหรัฐอเมริกา
ชุดตรวจผลเชื้อเอชไอวี/เอดส์ในภาพนี้ แจกจ่ายฟรีอยู่ในประเทศแอฟริกา ใต้
เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในโครงการลดการแพร่ระบาดของเชื้อเอดส์ในพื้นที่ชนบทห่างไกลของแอฟริกาใต้
เมื่อรับชุดดังกล่าวไปแล้ว นำไปตรวจหาเชื้อเอชไอวีได้ด้วยตนเอง โดยใช้ "น้ำลาย" เป็นตัวตรวจหาเชื้อ ภายในกล่องเขียนคำอธิบายวิธีใช้งาน ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาท้องถิ่นของคนแอฟริกัน


10.เครื่องบินสะเทินน้ำสะเทินบก (ICON A5)
ผู้ออกแบบ : นักวิจัยสังกัดบริษัท ไอคอน แอร์คราฟต์, กลุ่มนิสสัน ดีไซน์ อเมริกา, บริษัท ทรอย ลี ดีไซน์ และวิทยาลัยศิลปะการออกแบบ สหรัฐอเมริกา
เครื่องบินส่วนบุคคลหน้าตาล้ำยุคและดุดันเอาเรื่อง รุ่น "ICON A5" ใช้เล่นได้ทั้งบนอากาศและเหนือผิวน้ำ ปีกพับเก็บได้ ช่วยให้การเคลื่อนย้ายตัวเครื่องไปยังสถานที่ต่างๆ ทำได้โดยง่าย
พัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มคนที่รักในกีฬาขับเครื่องบินเล็ก ซึ่งมีใบอนุญาตการบินถูกต้องตามกฎหมาย

2552/08/18

วิธีกินอย่างประหยัด

ยุคนี้ข้าวของแพงไปหมด วันนี้จึงมีวิธีเลือกรับประทานแบบประหยัดมาบอก...

- กินพออิ่มในแต่ละมื้อ โดยตักอาหารปริมาณพอดี เช่น ตักข้าวสวย 1-2 ทัพพี ผัก 4-6 ช้อนกินข้าว เนื้อสัตว์ 2-3 ช้อน กินข้าว แล้วตามด้วยผลไม้ 1-2 ส่วน ตามด้วยน้ำสะอาด 1-2 แก้ว ก็เพียงพอ

- ดัดแปลงอาหารที่เหลือเป็นอาหารจานใหม่ เช่น ผัดคะน้า นำมาต้มจับฉ่ายผสมกับผักอื่น ๆ ส่วนผลไม้ที่เหลือหลายชนิดนำมาทำเป็นสลัดผลไม้ หรือ ปลาทูที่เหลือนำมาตำน้ำพริกปลาทูกินกับผักสด ผักลวกต่าง ๆ ทำให้ได้อาหารจานใหม่ ที่มีประโยชน์

- ปรับเมนูอาหารคุณภาพดีราคาถูก เช่น ไข่พะโล้ เพราะปกติใส่หมูกับไข่เท่านั้น ก็เปลี่ยนจากหมูมาเป็นเต้าหู้ก็ได้

- ทำอาหารปริมาณมากกินได้หลายมื้อ เช่น ต้มไข่พะโล้หนึ่งหม้อกินได้ทั้งวัน อาจเติมผักอื่น ลงไปด้วยหรือกินร่วมกับผักสด เช่น แตงกวา ผักกาดหอม หรือผักกาดขาว หรือคะน้าลวก

- ลดการกินระหว่างวัน กินอาหารหลัก 3 มื้อก็เพียงพอแล้ว

- หุงข้าวผสมข้าวโพด ถั่ว เผือก ใส่เพื่อเพิ่มวิตามินและยังได้สารอาหารอื่น ๆ เพิ่มด้วย

- งดการกินอาหารมื้อดึก เพราะถ้ากินอาหารมื้อดึกเข้าไปแล้ว และไม่มีการออกกำลังกายหรือเคลื่อนไหวร่างกายใด ๆ มีแต่การนอนทำให้ร่างกายเผาผลาญอาหารที่กินไปน้อยมากและจะสะสมเป็นไขมันแทนทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น

- เคี้ยวอาหารช้า ๆ ซึ่งจะทำให้รู้สึกอิ่มเร็วกว่าเพราะร่างกายจะเริ่มรู้สึกอิ่มเมื่อกินอาหารไปประมาณ 20 นาท

- เน้นกินอาหารไทย เช่น ข้าวราดแกง ก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน แทนอาหารจานด่วนตะวันตก นอกจากราคาถูกกว่าแล้วยังให้สารอาหารครบถ้วน ตามความต้องการของร่างกาย

รู้อย่างนี้แล้ว ควรเลือกกินอาหารให้เหมาะสม เพื่อสุขภาพที่ดีและประหยัดอีกด้วย

2552/08/17

ประโยชน์ของกระเทียม

ทราบหรือไม่ว่า กระเทียมที่กินอยู่เป็นประจำมีประโยชน์อะไรบ้าง วันนี้มีเรื่องนี้มาฝาก...
กระเทียมเป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีสรรพคุณในการบำบัดรักษาโรคได้หลายชนิด

- กินกระเทียมเป็นประจำ จะทำให้ผิวหนังสะอาด เพราะกระเทียมจะไปทำความสะอาดเลือด ช่วยให้ผิวหนังดีขึ้น รักษาผิวหนังที่เป็นตุ่มแผล ผิวหนังด่างดำ สิวและฝี
- กระเทียมช่วยลดความดันโลหิตสูง เพราะกระเทียมจะไปขยายเส้นเลือดให้กว้างขึ้น
- ป้องกันผนังหลอดเลือดหนาและแข็งตัว เพราะกระเทียมจะไปยับยั้งการสร้างสารกรอมโปเซนบี 2 ซึ่งสารนี้เป็นตัวการหนึ่งที่ทำให้เลือดจับตัวเป็นก้อน และเป็นสาเหตุทำให้ความดันโลหิตสูง

รู้อย่างนี้แล้ว หันมากินกระเทียมกันดีกว่า เพื่อสุขภาพที่ดี ^^

2552/08/16

8 ตัวอย่างภาษาอังกฤษแบบผิดๆ ที่ฮิตติดปากคนไทย


1) อินเทรนด์ (in trend) คำนี้อินเทรนด์มากๆ เอ๊ย...ฮิตมากๆ ในปัจจุบัน สามารถได้ยินตามรายการวิทยุหรือโทรทัศน์ทั่วไป เพราะใช้กันทั่วบ้านทั่วเมือง เช่น เด็กสมัยนี้ถ้าจะให้อินเทรนด์ต้องตามแฟชั่นเกาหลี ซึ่งบางทีเวลาคุณต้องการพูดว่า "มันทันสมัย" คุณอาจจะติดปากว่า "It is in trend." คำว่า "ทันสมัย" ฝรั่งเค้าไม่ใช้คำว่า "in trend" อย่างคนไทยหรอกค่ะ เค้าจะใช้คำว่า "trendy" หรือ "fashionable" ซึ่งเป็นคำคุณศัพท์ที่คุณสามารถวางไว้หน้าคำนามที่ต้องการขยาย เช่น a trendy haircut ทรงผมที่ทันสมัย, a fashionable restaurant ร้านอาหารที่ทันสมัย หรือจะไว้หลัง verb to be เช่น It is trendy. หรือ It is fashionable. ก็ได้

2) เว่อร์ (over) เช่น ใยคนนั้นทำอะไรเว่อร์ๆ She is over. ไม่มีความหมายแต่อย่างใดในภาษาอังกฤษ ฝรั่งที่ได้ยินคุณพูดเช่นนี้ คงมึนตึบ พร้อมทำสีหน้างงว่ามันหมายถึงอะไรเหรอ? พูดถึงคำนี้ คนไทยน่าจะหมายถึงการพูดเกินจริงหรือทำเกินจริง ซึ่งถ้าพูดเกินจริง ควรจะใช้คำศัพท์ที่ว่า "exaggerate" เป็นคำกิริยา อ่านว่า เอก-แซ้ก-เจ่อ-เรท เช่น

"He said you walked 30 miles." เค้าบอกว่าคุณเดินตั้ง 30 ไมล์
"No - he's exaggerating. It was only about 15." ไม่หรอก เค้าพูดเว่อร์ (เกินจริง) มันก็แค่ 15 ไมล์เอง

ดังนั้น ถ้าจะบอกว่า เธอพูดเว่อร์น่ะ ก็บอกว่า You're exaggerating. หรือจะบอกเค้าว่า อย่าพูดเว่อร์ๆ น่ะ อาจใช้ว่า Don't exaggerate. ส่วนอาการเว่อร์อีกแบบคือการทำเกินจริง เราจะใช้คำกิริยาที่ว่า "overact" เช่น You're overacting. เธอทำเว่อร์เกิน (แสดงอารมณ์เกินจริง)

3) ดูหนัง soundtrack เวลาคุณจะบอกใครว่า ฉันต้องการดูหนังฝรั่งที่พากย์ภาษาอังกฤษ อย่าพูดว่า "I want to watch a soundtrack film." แต่ควรจะใช้ว่า "I want to watch an English film." เพราะความหมายของคำว่า "soundtrack" คือ ดนตรีที่อยู่ในภาพยนตร์ ต่างหากล่ะค่ะ
ถ้าเราจะพูดถึงหนังฝรั่งที่พากย์เสียงภาษาไทย เราต้องบอกว่า "I want to watch an English film that is dubbed into Thai." เพราะคำกิริยาว่า "dub" คือพากย์เสียงจากต้นแบบในหนังหรือรายการโทรทัศน์ไปเป็นภาษาอื่น
ส่วนหนังที่มีคำบรรยายใต้ภาพเราเรียกว่า "a subtitled film" ซึ่งคำบรรยายที่อยู่ใต้ภาพ เราเรียกว่า "subtitles" (ต้องมี s ต่อท้ายเสมอนะครับ) เช่น a French film with English subtitles หนังฝรั่งเศสที่มีคำบรรยายใต้ภาพเป็นภาษาอังกฤษ หนังบางเรื่องจะมีคำบรรยายใต้ภาพเป็นภาษาเดียวกับที่นักแสดงพูด เรามีศัพท์เรียกเฉพาะว่า "closed-captioned films" หรือ อาจเขียนย่อๆ ว่า "CC" เช่น You should watch a closed-captioned film to improve your English. คุณควรจะดูหนังฝรั่งที่มีคำบรรยายภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษของคุณ

4) นักศึกษาปี 1 คนไทยมักเรียกว่า "freshy" ซึ่งฝรั่งไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ เพราะไม่มีการบัญญัติศัพท์คำนี้ในภาษาอังกฤษ เค้าจะใช้คำว่า "fresher" หรือ "freshman" (นิยมใช้ "freshman" มากกว่า) เช่น He is a fresher. หรือ He is a freshman. หรือ He is a first-year student. เขาเป็นนักศึกษาปี 1 ส่วนปีอื่นๆ คนไทยเรียกถูกแล้วครับ คือ ปี 2 เราเรียก a sophomore, ปี 3 เรียกว่า a junior และ ปี 4 เรียกว่า a senior

5) อัดหรือบันทึก คนไทยมักพูดทับศัพท์ว่า เร็คคอร์ด (record) คำๆ นี้สามารถเป็นได้ทั้งคำนามและคำกิริยา เพียงแค่เปลี่ยนตำแหน่ง stress กล่าวคือ ถ้าจะใช้เป็นคำนามที่แปลว่า แผ่นเสียงหรือสถิติ ให้ขึ้นเสียงสูงที่พยางค์แรก คือ "เร็ค-คอร์ด" เช่น He wants to buy a record. เขาต้องการซื้อแผ่นเสียง, I broke my own record. ฉันทำลายสถิติของฉันเอง แต่ถ้าคุณจะหมายถึงคำกิริยาที่แปลว่า อัดหรือบันทึก ต้อง stress พยางค์หลัง ซึ่งจะอ่านว่า "รี-คอร์ด" เช่น I'll record the film and we can all watch it later. ฉันจะอัดหนัง เราจะได้เก็บไว้ดูทีหลังได้ ส่วนเครื่องบันทึก เราเรียกว่า "recorder" อ่านว่า รี-คอร์-เดอร์

6) ต่างคนต่างจ่าย เรามักใช้ American share รับรองว่าฝรั่ง(ต่อให้เป็นชาวอเมริกันด้วยครับ) ได้ยินแล้ว งงแน่นอน ถ้าคุณจะหมายถึงต่างคนต่างจ่ายให้ใช้ว่า "Let's go Dutch." หรือ "Go Dutch (with somebody)." อันนี้ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นธรรมเนียมของชาวดัตช์หรือเปล่า? ที่ต่างคนต่างจ่ายเลยมีสำนวนอย่างนี้ หรือคุณอาจจะบอกตรงๆ เลยว่า "You pay for yourself." คือเป็นอันรู้กันว่าต่างคนต่างจ่าย แต่ถ้าคุณต้องการเป็นเจ้ามือ(ไม่ใช่เล่นไพ่นะค่ะ)เลี้ยงมื้อนี้เอง คุณควรพูดว่า "It's my treat this time." หรือ "My treat." หรือ "It's on me." หรือ "All is on me." หรือ "I'll pay for you this time." ทั้งหมดแปลว่า มื้อนี้ฉันจ่ายเอง ส่วนถ้าจะบอกเพื่อนว่า คราวหน้าแกค่อยเลี้ยงฉันคืน ให้บอกว่า "It's your treat next time."

7) ขอฉันแจม (jam) ด้วยคน ในกรณีนี้คำว่า "แจม" น่าจะหมายถึง "ร่วมด้วย" เช่น We are going to eat outside. Do you want to jam? เรากำลังจะออกไปกินข้าวข้างนอก เธอจะไปด้วยมั้ย? ในภาษาอังกฤษไม่ใช้คำว่า jam ในกรณีแบบนี้ ซึ่งควรจะใช้ว่า "Do you want to join us?", "Do you want to come with us?" หรือ "Do you want to come along?" จะดีกว่าค่ะ

8) เขามีแบ็ค (back) ดี "He has a good back." ฝรั่งคงงงว่ามันเกี่ยวอะไรกับข้างหลังของเค้า เพราะ back แปลว่า หลัง (อวัยวะ) แต่คุณกำลังจะพูดถึงมีคนคอยสนับสนุน ซึ่งต้องใช้ "a backup" ซึ่งหมายถึง คนหรือสิ่งของที่ช่วยสนับสนุน ช่วยเหลือ เกื้อกูล เป็นกำลังใจให้

2552/08/11

คำสอนของแม่...


คำสอนของแม่

แม่คงสอนให้ลูกฉลาดไม่ได้
ลูกต้องเรียนรู้และฉลาดด้วยไหวพริบ และกึ๋นของลูกเอง

แม่อยากให้ลูกคิดและมองโลกในแง่ดี.
อย่าคิดว่าใต้ฟ้านี้มีแต่เรื่องทำไม่ได้ เป็นไม่ได้ หัดคิดให้เป็นบวกไว้แหละดี

แม่อยากให้ลูกหัดฝัน.
เมื่อไรลูกฝันเป็น ไม่ว่าจะเป็นใฝ่ฝัน หรือความฝัน ลูกจะรู้ว่าโลกนี้มันน่าอยู่เพียงไหน

แม่อยากให้ลูกพูดแต่เรื่องดี พูดแต่เรื่องสวยงาม.
จงเป็นคนสุดท้ายที่ให้ร้ายคนอื่น และจงเป็นคนแรก ที่ให้กำลังใจ และชื่นชม


แม่อยากให้ลูกทำเรื่องแปลกๆ.
ลูกไม่จำเป็นต้องเดินตามชีวิตประจำวันของใคร อย่าเก็บความคิดแปลก เพียงเพราะเห็นว่ามันไม่เหมือนใคร

แม่อยากสอนให้ลูกกล้าแดด กล้าฝน.
เพราะภายใต้ไออุ่นของดวงอาทิตย์ลูกจะได้รับวิตามินดี และภายใต้ฟ้าที่มีฝน มันจะทำให้ลูกร้องไห้โดยไม่มีใครเห็นน้ำตา

แม่อยากสอนให้ลูกออกกำลังกายทุกวัน.
อย่างน้อยคนเราก็ต้องเคลื่อนไหวทะมัดทะแมง ลูกได้ออกแรงเสียบ้าง ลูกจะแข็งแกร่งไม่อ่อนแอ

แม่อยากให้ลูกยิ้ม และอยู่กับโลกด้วยความรัก.
ยิ้มอาจจะไม่ชนะทุกสิ่ง ยิ้มมากๆอาจจะดูเหมือนคนบ้า แต่มันก็ดีกว่าหน้าบึ้งหน้างอเป็นไหนๆ

แม่อยากสอนให้ลูกรู้จักอดทน.
ลูกต้องเรียนรู้ว่าลูกไม่มีทางได้ทุกๆอย่างที่ลูกหวังไว้ อดทนและอย่าได้เสียกำลังใจ อย่าท้อและขอให้เริ่มใหม่อย่างมีพลัง

แม่อยากสอนให้ลูกเขย่งขาขึ้นให้สูง.
ไม่มีอะไรที่สูงไปกว่าสองมือเราจะเอื้อมคว้า เพียงแค่ว่าเรายืนยันที่จะไม่ยืนอยู่กับที่

แม่อยากสอนให้เจ้ามีความสุข.แต่อย่าลืมทุกข์ด้วยล่ะลูก
คนที่ไม่เคยมีความทุกข์ เขาสุขจริงๆไม่เป็นหรอก เจ้าเอ่ย

ไอคิวมันติดมาแต่บนฟ้าลูกจ๋า ไม่ฉลาดก็มีความสุขได้ไม่ต้องห่วง
อย่าน้อยใจถ้าตามใครเขาไม่ทัน อย่าเสียขวัญถ้าเราช้ากว่าใครๆ
อีคิวมันต้องหาเองบนโลกนี้ลูกเอ๋ย ไม่ฉลาดก็น่ารักและมีความสุขได้


"อย่ากลัวที่จะเปลี่ยนแปลงปรับปรุง ลูกมีกำลังใจเป็นถุงจากแม่ ไม่ต้องกลัว"

^_____________^

2552/08/10

ช็อกโกแลต ไร้ไขมัน

ความหวานยั่วน้ำลายของขนมหวานอย่าง ช็อกโกแลต เชื่อว่าทำให้หลายๆ คนยากจะอดใจไม่ลิ้มลอง

ถึงรู้ทั้งรู้ว่าถ้าทานเข้าไปมากๆ พิษสงของ "น้ำตาล-ไขมัน" ในช็อกโกแลตจะทำให้เสียสุขภาพก็ยังอยากทานอยู่ดี!

ล่าสุด บริษัทแบร์รี่ คัลเลเบาต์ ผู้ผลิตช็อกโกแลตแดนสวิตเซอร์แลนด์ จึงคิดค้น "ช็อกโกแลตสูตรปราศจากไขมัน" มาเอาใจคนอยากหม่ำขนมประเภทนี้แต่กลัวอ้วนโดยเฉพาะ

มีชื่อว่า "ช็อกโกแลตวัคเคโน่" มีไขมันต่ำกว่าช็อกโกแลตตามท้องตลาดทั่วไป 90 เปอร์เซ็นต์ และทนความร้อนได้ถึง 55 องศาเซลเซียส ช่วยให้ไม่ละลายเหนียวเหนอะหนะติดมือติดกระดาษเละเทะจนเสียอารมณ์เวลารับประทาน

อีกจุดเด่นที่สำคัญ ทางผู้ผลิตฟุ้งว่ามี "กลิ่นหอม" เป็นเอกลักษณ์ ไม่ซ้ำใคร

ขณะนี้กำลังเสนอขายสูตรลับเฉพาะของวัคเคโน่ ให้บริษัทยักษ์ใหญ่ธุรกิจขนมหวาน ทั้ง "แคดบิวรี่" และ "เนสท์เล่" ถ้าตกลงราคากันได้คาดว่าจะวางตลาดภายใน 1-2 ปีนี้

2552/08/08

ชนิดของช็อกโกแลต

ช็อกโกแลตในโลกนี้ไม่ได้มีอยู่แค่ชนิดเดียว แต่มีอยู่มากมายหลายชนิด แต่ละชนิดก็มีรสชาดและความหอมหวานที่แตกต่างกันไป รวมทั้งสีก็ต่างกันในแต่ละชนิด มีทั้งที่เป็นสีน้ำตาลอย่างที่เราคุ้นเคยกันอยู่ และสีขาวที่ไม่น่าจะเป็นสีช็อกโกแลต แต่ก็อร่อยไม่แพ้กัน ลองมาดูกันซิว่าช็อคโกแลตมีอะไรบ้าง จะน่ากินแค่ไหน


Dark chocolate (ช็อกโกแลตดำ) ช็อกโกแลตชนิดนี้ไม่ได้เพิ่มนมเป็นส่วนประกอบ ซึ่งบางครั้งก็ถูกเรียกเป็นช็อกโกแลตธรรมดา แต่ว่าทางรัฐบาลสหรัฐฯ เรียกเป็นช็อกโกแลตหวาน และกำหนดให้มีส่วนผสมของช็อกโกแลตเหลวบริสุทธิ์เข้มข้น 15% แต่ทางยุโรปได้กำหนดให้มีส่วนผสมของเมล็ดโกโก้อย่างน้อย 35%

White chocolate (ช็อกโกแลตขาว) ช็อกโกแลตชนิดนี้มีส่วนผสมของเนยโกโก้ แต่ไม่มีโกโก้ที่อยู่ในรูปของไขมัน แต่จะประกอบไปด้วยน้ำตาล เนยโกโก้ นมสด และใส่กลิ่นวานิลลาลงไปด้วย ช็อกโกแลตขาวนี้จะแตกหักง่าย หากเป็นของปลอมจะทำมาจากน้ำมันพืชมากกว่าเนยโกโก้

Milk Chocolate (ช็อกโกแลตนม) ช็อกโกแลตชนิดนี้มีส่วนผสมของ cocoa butter , นม และยังเพิ่มความหวานและรสชาดลงไปด้วย ช็อกโกแลตนมนี้ใช้สำหรับแต่งหน้าขนมได้เป็นอย่างดี ช็อกโกแลตนมที่ทำในประเทศสหรัฐฯ ต้องประกอบด้วยน้ำช็อกโกแลตอย่างน้อย 10% และนมที่ไม่ได้เอามันเนยออก 12%


Unsweetened chocolate ช็อกโกแลตที่ไม่ได้เพิ่มความหวาน คือ ช็อกโกแลตเหลวบริสุทธิ์หรือที่รู้จักกันในนาม ช็อกโกแลตฝาด ใช้ในการอบอาหาร และเป็นช็อกโกแลตที่ไม่มีการเจือปนใด ๆ ทั้งสิ้น ช็อกโกแลตชนิดนี้จะมีรสชาติเข้มข้มและลุ่มลึกของช็อกโกแลตบริสุทธิ์ แต่อย่างไรก็ดีเมื่อมีการเพิ่มน้ำตาลเข้าไป ช็อกโกแลตชนิดนี้จะใช้เป็นส่วนผสมหลักในการทำบราวนี เค้ก ลูกกวาด และคุกกี้

Sweet Chocolate (ช็อกโกแลตชนิดหวาน) ช็อกโกแลตชนิดนี้จะเพิ่มความหวานลงไปมากกว่าช็อกโกแลตแบบหวานน้อย และมีส่วนผสมของน้ำช็อกโกแลตอย่างน้อย 15 % ช็อกโกแลตชนิดนี้ใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในการทำขนมและตกแต่งขนม และยังมีไขมันเท่าๆ กับช็อกโกแลตแบบหวานน้อย

Semi-Sweet (ช็อกโกแลตแบบหวานน้อย) ช็อคโกแลตชนิดนี้อยู่ในรูปของเหลวแล้วเพิ่มความหวานและใส่ cocoa butter ลงไปด้วย สีของช็อกโกแลตชนิดนี้สีจะเข้ม ตามมาตรฐานของสหรัฐฯ จะมีส่วนผสมของน้ำช็อกโกแลตประมาณ 35% และมีไขมันประมาณ 27%

Liquid Chocolate (ช็อกโกแลตที่ไม่หวาน) ช็อกโกแลตชนิดนี้ส่วนใหญ่จะบรรจุขายเป็นขวดๆ ละ 1ออนซ์ และเนื่องจากมันไม่ละลายจึงสะดวกในการใช้มาก โดยพัฒนาขึ้นมาสำหรับใช้ทำขนมอบ อย่างไรก็ดีเนื่องจากมีส่วนผสมของน้ำมันพืชมากกว่า cocoa butter ซึ่งเนื้อช็อกโกแลตจะแตกต่างกัน ปกติแล้วช็อกโกแลตชนิดนี้จะมีรสไม่หวาน

Couverture (ช็อกโกแลตชนิดกูแวร์ตูร์) ช็อกโกแลตชนิดนี้เป็นชนิดที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวคือจะเป็นมันเงา โดยปกติจะมีส่วนผสมของ cocoa butter อย่างน้อยที่สุด 32% ทำให้มันสามารถคงตัวอยู่ในรูปของไขได้ดีกว่าชนิดเคลือบ ปกติแล้วจะใช้เฉพาะในร้านที่ทำขนมหวานเท่านั้น ส่วนใหญ่จะพบอยู่ในรูปของส่วนที่เคลือบอยู่ภายนอกผลไม้หรือหุ้มไส้ช็อกโกแลตอยู่


Chocolate Liquor เป็นผลผลิตจากเมล็ดโกโก้นำมาบดละเอียด แล้วนำมาคั้นเอาแต่น้ำ น้ำช็อกโกแลตนี้สามารถทำให้เย็นและทำให้แข็งตัวโดยใส่พิมพ์ไว้ แต่ช็อกโกแลตที่ได้เป็นชนิดที่ไม่หวาน น้ำช็อกโกแลตนี้จะมีส่วนผสมของโกโก้บัทเตอร์ประมาณ 53%

Ganache ช็อกโกแลตชนิดนี้จะมีลักษณะข้นมาก เป็นที่นิยมนำไปทำเค้กช็อกโกแลต Ganache ทำโดยการเทวิปปิงครีมที่นำไปอุ่นลงไปในช็อกโกแลตสับในปริมาณที่เท่ากัน ทิ้งไว้สักครู่จนช็อกโกแลตเริ่มละลายและคนให้เข้ากัน จะได้ส่วนผสมที่ข้นขึ้น อาจเติมเนยในปริมาณเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความเงาให้กับกานาชด้วย

Confectionery Coating (เคลือบลูกกวาด) เป็นช็อกโกแลตที่ไว้เคลือบลูกกวาด โดยนำไปผสมกับน้ำตาล นมผง น้ำมันพืช และสารปรุงแต่งรสชาดต่างๆ มีสีสันหลากหลาย ลูกกวาดที่ได้นี้ผงโกโก้จะมีไขมันต่ำ แต่จะไม่มีส่วนผสมของ cocoa butter เหมือนชนิดอื่นๆ จึงแยกออกมาเป็นอีกประเภทหนึ่งได้

ข้อแนะนำ
ช็อกโกแลตที่ได้รับความนิยมต้องเป็นช็อกโกแลตของประเทศเบลเยี่ยม และเวลาไปร้านขายช็อกโกแลต หากเห็นช็อกโกแลตที่ทำท่าจะละลายในมือถือว่าเป็นช็อกโกแลตที่ดี เพราะแสดงว่ามีเนยโกโก้ผสมอยู่ในปริมาณสูง ควรมองหาชิ้นที่มีผิวมันเรียบ ถ้าลองชิมได้อย่าซื้อที่กัดแล้วร่วงกราวเป็นเศษเล็กเศษน้อยหรือนิ่มเหลว


2552/08/06

ความลับของช็อกโกแลต

มีข้อกล่าวหามากมายเกี่ยวกับช็อกโกแลต อีกทั้งความเชื่อผิดๆ ที่ว่าช็อกโกแลตเป็นบ่อเกิดของสิว เพราะจริงๆ แล้วการเกิดสิวนั้น ไม่มีผลมาจากการรับประทานอาหารชนิดใดๆ ทั้งสิ้นค่ะ ส่วนข้อกล่าวหาที่ว่า ช็อกโกแลตมีคาเฟอีนั้น จริงๆ แล้ว มีอยู่เพียงน้อยนิดเท่านั้นค่ะโดยอัตราส่วนช็อกโกแลต 1.4 ออนซ์ จะมีคาเฟอีนแทรกอยู่เพียง 6 มิลลิกรัม ซึ่งเท่ากับจำนวนของ คาเฟอีนที่มีอยู่ในกาแฟแบบดีแคฟค่ะ และสำหรับไวท์ ช็อกโกแลตนั้น ไม่มีคาเฟอีนอยู่เลยค่ะ


โดยรวมๆ แล้ว ช็อกโกแลตสามารถเรียกได้ว่า เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ อย่างดีทีเดียวนะคะเพราะในต่างประเทศ ได้มีการพิสูจน์แล้วว่า สารประกอบในช็อกโกแลต มีส่วนช่วยในการป้องกันการเกิดมะเร็งและลดอัตราการเกิดโรคหัวใจค่ะ เพราะในตัวช็อกโกแลตนั้น มีสารที่ชื่อว่า ฟีโนลิค อยู่ในปริมาณสูงฟีโนลิค เป็นสารซึ่งช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และป้องการก่อตัวของไขมันในเส้นเลือดค่ะที่สำคัญยังช่วยให้แก่ช้าได้อีกด้วยหล่ะค่ะ


ประโยชน์อื่นๆ ของช็อกโกแลต
- ช่วยปรับอารมณ์ และจิตใจ ให้เข้าสู่สภาวะปกติค่ะ เหมาะมากสำหรับสาวๆ ที่เลือดจะไปลมจะมาทั้งหลายฉะนั้น ช็อกโกแลตจึงถือได้ว่า เป็นขนมหวานอันดับหนึ่ง สำหรับผู้หญิงเลยทีเดียวค่ะ
- ช่วยลดอาการปวดท้อง หงุดหงิด หน้าบวม ตัวบวม ก่อนมีประจำเดือน อย่างได้ผลเลยหล่ะค่ะ
-ช่วยแก้อาการเมาค้าง หรือ hangover ได้ด้วย จะได้เลิกเมาค้าง ข้ามวันข้ามคืนไงคะ
- ป้องกันการเกิดมะเร็ง เพราะได้พิสูจน์พบแล้วว่า สารที่พบในช็อกโกแลต เป็นสารชนิดเดียวกันกับ สารที่พบใน ผัก ผลไม้ และไวน์แดงค่ะ
- ช่วยลดอาการอักเสบ เวลาเจ็บป่วยต่างๆ
- มีผลต่อสมอง เพราะช่วยให้ตื่นตัว และยังช่วยให้ กระฉับกระเฉงอีกด้วยค่ะ
- ในมิลค์ ช็อกโกแลต อัตราส่วน 1.4 ออนซ์ จะประกอบด้วย โปรตีน 3 กรัม แคลเซียม 5% และธาตุเหล็กถึง 15% โดยเฉพาะช็อกโกแลต ที่ใส่ถั่ว หรืออัลมอนด์ จะมีสารอาหารพวกนี้มากขึ้นตามไปด้วยค่ะ


เห็นไหมคะ นี่ขนาดฝรั่งเขายังวิจัย ล้วงความลับ ของช็อกโกแลต กันมาไม่หมดนะเนี่ยเรายังพบข้อดีของช็อกโกแลต ได้มากมายหลายข้อเลยค่ะ เอาเป็นว่า ทานเข้าไปเถอะนะคะไม่ต้องกลัวสิว ไม่ต้องกลัวอ้วนกันอีกต่อไปแล้ว ขอแค่รับประทานอย่างพอดีๆ และสำนึกไว้เสมอว่า ช็อกโกแลตเนี่ย อุดมไปด้วยไขมัน และโกโก้ ซึ่งถ้าร่างกายได้รับมากเกินไป จะสามารถเพิ่มปริมาณคอเรสเตอรอลได้ค่ะ เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ควรดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี และอย่าตามใจปากมากนักเพราะการทานอาหารอะไรก็ตาม ในปริมาณที่มากเกินไป ก็ล้วนแล้วแต่ทำให้เกิดปัญหาได้ด้วยกันทั้งสิ้นค่ะ

2552/08/03

100 ข้อคิดดีๆ


1.เอาใจเขามาใส่ใจเรา
2.เชื่อมั่นตัวเอง
3.อย่ามองคนที่หน้าตา
4.กล้าคิด พูด และทำ
5.เมื่อมีเรื่อง จงหมั่นปรึกษาผู้อื่น
6.และจงเป็นที่ปรึกษาให้ผู้อื่นด้วย
7.อย่าโกหกกับเรื่องที่คุณคิดว่าผิด
8.ไว้ใจบุคคลที่สมควรไว้ใจ
9.เปิดใจให้กว้าง
10.มองการณ์ไกล
11.วางแผนอนาคต
12.อย่าโทษตัวเอง
13.มีความรับผิดชอบ
14.ตอบแทนเมื่อได้รับ
15.ให้ในสิ่งที่ผู้อื่นอยากได้และไม่มี
16.อย่าใช้อารมณ์ แต่จงใช้ความคิด
17.คิดถึงส่วนรวมให้มาก
18.ดูแลตัวเองให้เป็น
19.รู้ผิด ชอบ ชั่ว ดี
20.อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเสียเปล่า
21.อย่ารู้ค่าสิ่งที่อยู่กับเราต่อเมื่อเราสูญเสียไปแล้ว
22.จงรู้ตัวอยู่เสมอว่าตอนนี้กำลังทำอะไร
23.ที่ทำอยู่มีผลดี ผลเสีย มีประโยชน์ หรือไร้ประโยชน์
24.อย่าวัวหายแล้วล้อมคอก
25.ให้อภัยแก่ตนเองและผู้อื่น
26.อย่าเก็บอดีตมาทำร้ายตนเอง แต่จงหัดที่จะเรียนรู้จากมัน
27.คนไม่ผิดคือคนที่ใหม่เคยทำอะไร
28.ได้หน้าอย่าลืมหลัง
29.คุณไม่ใช่พระเจ้า อย่าคิดซ่อนความรู้สึก แต่จงวางแผนที่จะดูแลมันไม่ให้เสีย
30.อย่าอ่านข้อความที่มีประโยชน์ผ่านๆ
31.อ่านแล้วคิด คิดแล้วทำ หมั่นพัฒนาตนเอง
32.รู้จักแบ่งเวลา และหน้าที่
33.ทำประโยขน์ให้แก่ส่วนรวมบ้าง
34.อย่าเห็นแก่ตัว
35.อย่ารอคอยในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง
36.อย่ากลัวในสิ่งที่ตนสามารถสู้หรือเปลี่ยนแปลงมันได้
37.กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ หัดเติมให้คนอื่น แล้วเขาจะกลับมาเติมให้คุณเอง
38.เพื่อนไม่จำเป็นต้องเจอหน้ากันก็คุยกันได้
39.อย่าคิดว่าเขาไม่โทร.มา ถ้าคุณก็ไม่เคยโทร.ไป
40.จง เป็นฝ่ายให้มากกว่าเป็นฝ่ายรับ
41.ดูแลบิดามารดาให้ดี คุณมีโอกาศ รีบทำซะก่อนที่จะไม่มี
42.อย่าเสียใจกับสิ่งที่เลวร้ายหรือสูญเสียไปแล้ว มันไม่กลับมา แต่คุนสามารถทำมันใหม่หรือเรียนรู้จากมันได้
43.คำพูดเมื่อพูดไปแล้วไม่สามารถเรียกกลับมาได้ ดังนั้น คิด ก่อนพูด
44.อย่าทุ่มเทในสิ่งที่ไร้ประโยชน์
45.คำพูดให้กำลังใจคนได้ ปลอบใจได้ ยุให้ทะเลาะกันได้ ทำให้เสียความรู้สึกได้ จงรู้ที่จะพูด
46.ชีวิตไม่ใช่เกม พลาดแล้วไม่สามารถเริ่มใหม่หรือกดโหลดได้
47.หาจุดหมายให้กับชีวิต
48.เครียดได้ แต่เครียดให้เป็น
49.ถ้างง เขียนหนังสือได้ แต่เขียนให้เป็นภาษา
50.วันๆหนึ่งคุณทำอะไรบ้าง ที่ไม่ใช่ กิน นอน เล่น
51.ไม่มีหมอคนไหนรอให้คนไข้จะตายแล้วค่อยช่วยหรอกนะ
52.เพื่อนคุณก็เช่นกัน อย่าปล่อยให้เขาเครียดจนจะตายแล้วถึงไปถามหรือดูแล
53.ร่างกายไม่ใช่เครื่องจักร ให้มันพักผ่อนซะบ้าง
54.คุณซื้อนาฬิกาได้ แต่คุณไม่สามารถซื้อเวลาได้
55.ตอนนี้มีใครคอยคุณอยู่รึเปล่า ถ้ามีกลับไปหาซะ
56.ตอนนี้คุณถึงเมื่อไหร่ ทำอะไรซะบ้าง
57.อย่ากล่าวคำขอโทษบ่อย มีอะไรดีๆตั้งหลายอย่างที่ทำแล้วไม่ต้องตามไปขอโทษ
58.ตอนคุณลำบากคุณคิดถึงใคร คุณอยากให้ใครช่วยเหลือ
59.ตอนนี้คนกำลังสบายอยู่ แล้วคนที่คุณเคยขอความช่วยเหลือล่ะ หมดประโยชน์แล้วหรือ
60. ไม่ใช่ แล้วไง ต้องให้บอกต่อมั้ย
61.ทำอะไรก้อได้ให้ตัวเองมีความสุข แต่อย่าบนทุกข์ของคนอื่น
62.ตอนที่คนกำลังอ่านประโยคนี้ จงจำไว้ว่าคุณเป็นมนุษย์ และยังมีชีวิตอยู่
63.ใครเป็นคนทำให้คุนมีชีวิต ตอบแทนเขาบ้างหรือยัง
64.ไม่ต้องรอให้ถึงวันพิเศษใดๆ แค่เข้าไปบอกเขาว่ารักก้อเพียงพอแล้ว
65.อย่ารอให้ถึงวันเกิดเพื่อน ถึงจะได้คุยกันหรือให้ของขวัญกัน
66.ไม่มีกฏหมายข้อใดห้ามให้ของขวัญในวันธรรมดา
67.ถ้าเป็นคุณอยู่ดีๆ มีเพื่อนเอาขนมมาให้ คุณจะรู้สึกดีมั้ย หรือดูที่ราคาขนม
68.เหล้าทำให้คุณลืมได้ตอนเมาแอ๋ แต่เพื่อนแท้ทำให้คุณลืมเรื่องร้ายๆได้ตลอดชีวิต
69.อย่าคิดว่าตนเองไม่มีเพื่อนหรือไม่มีใคร อย่างน้อยๆถ้าคุณได้อ่านข้อความนี้ จงรู้ไว้ว่าคุณยังมีคนพิมพ์คนนี้อีกคน
70.อย่าคิดว่าตนเองเป็นคนโชคร้ายที่สุด และอย่าคิดว่าตนเองเป็นคนโชคดีที่สุด
71.อย่าพูดว่าไม่มาเป็นเราไม่รู้หรอก ถ้า งั้นคุณก้อไม่รู้เรื่องของเขาเช่นกัน
72.เหนื่อยนักก็หยุดพักซะบ้าง
73.อย่าคิดว่าคนดีไม่มีในสังคม เพราะคุณก็เป็นคนเพียงแต่คุณยังไม่ได้ทำอะไรบางอย่าง
74.ปริศนาในเกมคุณแก้ได้ แล้วทำไมปริศนาในชีวิตคุณแก้ไม่ได้ ในเมื่อบทสรุปอยู่ในตัวคุณ
75.คุณมองเพชรที่ความงามภายในหรือป้ายราคาภายนอก
76.ถ้าคุณกินอาหารเหลือ ลองนึกถึงเด็กที่ไม่มีอันจะกิน
77.มีเรื่องราวอีกมากมายที่ไม่ได้เขียนอยู่ในหนังสือ ลองค้นคว้าดูจะรู้
78.ลูกธนูที่ถูกปล่อยจากหน้าไม้ อันตรายน้อยกว่าหอกที่เเทงมาจากข้างหลัง
79.การถูกหักหลังเป็นสิ่งที่เจ็บปวด อย่าให้มันเกิด
80.ทำยังไง ต้องให้ขโมยขึ้นบ้านก่อน ถึงไปดูรั้วบ้านใช่มั้ย
81.ทำใจกับสิ่งต่างๆ ล่วงหน้าไว้บ้างก้อดี
82.จะยกตัวอย่าง สมมติคนที่คุณรักจากไปตอนนี้ คุณคิดว่า คุณทำอะไรให้เขาบ้างหรือยัง
83.อย่าตอบว่าทำยังไงก็ตอบแทนไม่หมด ขอถามว่าทำครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่
84.คุณทำใจได้แล้วหรือถ้ามันเกิดอะไรขึ้น คุณไปร้องไห้ข้างโลงศพ ยังไงเขาก้อไม่ฟื้นมาได้ยินหรอกนะ
85.ตัวคุณมีค่าอยู่แล้ว อยู่ที่คุณรู้จักดึงมันออกมาใช้ได้รึเปล่า
86.หัดคุยกับตัวเองซะบ้าง แล้วจะรู้ว่ามีอะไรอีกมากมายที่คุณยังไม่รู้
87.ร่างกายใช้มากี่ปีแล้ว เคยดูแลมันบ้างรึเปล่า หรือเอาไว้เพื่อให้วิญญาณมีที่สิงสถิต
88.การใส่เสื้อสวยๆไม่ช่วยให้ร่างกายดีขึ้นหรอกนะ ที่ดีขึ้นคือบุคลิกต่างหาก
89.หาความสุขของตัวเองให้เจอ หัดมีความสุขซะบ้าง อดีตเราลืมไม่ได้แต่เลิกคิดได้
90.ลองทำอะไรบ้าๆบ้างก้อดี อย่ายึดติดนักเลย
91.ผู้พิมพ์ไม่ใช่คนรู้อะไรมากมายไม่ได้มาโชว์ว่าตัวเองอวดรู้แต่อยากให้คุณได้รุ้อะไรบ้างก็ดี
92.สิ่งที่คุณปล่อยผ่านๆ ไปในชีวิตหรือเรื่องคุนเห็นว่าไม่สำคัญ กลับมาดูเเลตรงนั้นบ้างก็ดี
93.อย่าไว้ใจใครเกินไป ไม่ได้สอนให้ระแวงไม่ไว้ใจใคร แต่ระวังไว้บ้างก็ดี
94.อย่าตามเพื่อนนัก กินเหล้า เล่นไพ่ เที่ยวหญิงเที่ยว
95.ยาเสพติดทุกชนิด อย่าคิดจะลองเด็ดขาด
96.เพื่อน ร่างกายเขากับร่างกายเรา แน่นอนจิตใจก็เหมือนกัน
97.ผู้ชายยังไงก้อคือผู้ชาย ผู้หญิงยังไงก็คือผู้หญิง
98.บางครั้งการอยู่คนเดียวก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไป
99.ไม่มีมิตรถาวรและศัตรูที่เเท้จริง
100.จงทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อตัวเราเอง เพื่อคนที่เรารัก และคนที่รักเรา
^_____________^

2552/08/01

ข้อคิดดีๆ เข้ามาอ่านแล้วจะชอบ ^^

อ่านแล้วรู้สึกดีชอบมาก แล้วยังมีภาพประกอบด้วย เลยนำมาให้เพื่อนๆอ่านกัน
งานแสนหนัก ……..


ทางแสนไกล ......ใครต่อใคร........ทะยอยกันแซงหน้าเราไป………….


เหนื่อยเหลือเกิน .... กับภาระบนบ่า มีทางจะลดภาระลงบ้างหรือไม่


ตัดสินใจ.... ลดภาระที่แบกอยู่


เบา... สบายกว่าเดิมมากเลย


เพื่อให้เดินทางสะดวกขึ้น ลดลงอีกสักนิดดีกว่า .....


ขึ้นมาอยู่แถวหน้า ...... แซงคนอื่นได้สบาย ((อิอิอิ.....คนอื่นขาดไหวพริบ ไม่รู้จักลดภาระเหมือนคนฉลาดอย่างเรา))


อะไรกันนี่ ข้างหน้าเป็นทางขาด จะข้ามไปได้อย่างไร


เมื่อคนข้างหลัง ..... ที่แบกภาระเต็มที่ .... เดินมาถึง
จึงได้รู้ว่า.... ภาระที่เขาแบกไว้มาตลอดหนทางอันยาวไกล....
ที่แท้ ....คือสะพานที่ใช้ทอดไป ... เพื่อข้ามทางขาด


รีบใช้ของเราเอง .... จะได้ข้ามตามไปบ้าง ... แต่ ... ทำไมเป็นแบบนี้



ข้ามไปไม่ได้ เพราะใคร เพราะตัวเอง ....
ขาดความเพียร ขาดความมานะ ...
ความพยายาม ขาดความมุ่งมั่น ขาดความตั้งใจจริง
++++++++++++++++++++++++
ดังนั้น เราควรทำงานที่รับผิดชอบในปัจจุบันให้ดีที่สุด อย่าคิดลดงานลง เพราะเห็นแก่ความสบาย เพราะ ... งานคือสะพานสู่ความสำเร็จในภายหน้าของเราเอง